เมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๙ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประสบความสำเร็จในการผลักดันให้ผู้นำอาเซียนบวกสาม ซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิกอาเซียน ๑๐ ประเทศ จีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี รับรองแถลงการณ์เรื่อง “สูงวัยอย่างมีศักยภาพ” เพื่อเป็นแนวทางความร่วมมือระหว่างกัน
นับเป็นครั้งแรกที่ผู้นำของประเทศสมาชิกอาเซียนบวกสามออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสังคมผู้สูงอายุ โดยเห็นพ้องกันที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือในการรับมือกับสังคมผู้สูงอายุ โดยแนวทางที่เป็นองค์รวม ใน ๓ ด้าน โดยให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ได้แก่ ๑) การดูแลผู้สูงอายุทั้งในด้านสังคมและด้านสาธารณสุข ๒) การเพิ่มพูนศักยภาพทางเศรษฐกิจ และ ๓) การเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยซึ่งรวมถึงการพัฒนาอารยสถาปัตย์ และนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จะส่งเสริมการพึ่งพาตนเอง และสามารถใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ อันจะนำไปสู่เป็นประชาคมอาเซียนที่เอื้ออาทรและแบ่งปัน
แถลงการณ์ดังกล่าวจะเสริมสร้างความตระหนักรู้และการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของไทยและประชาคมอาเซียน ส่งเสริมให้ไทยเป็นประเทศที่มีองค์ความรู้และเป็นหนึ่งในแบบอย่างของการบริหารจัดการสังคมผู้สูงอายุ โดยการให้ชุมชนร่วมดูแลซึ่งไทยมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว เตรียมพร้อมในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการดูแลผู้สูงอายุ ลดรายจ่ายของรัฐด้านสาธารณสุขและสวัสดิการสังคม เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในการเป็นศูนย์กลางด้านการส่งเสริมสุขภาพ ขับเคลื่อนการพัฒนาทางเศรษฐกิจในตลาดอาเซียนบวกสาม และสอดคล้องกับนโยบายประชารัฐที่จะร่วมดำเนินการตามแถลงการณ์ดังกล่าว
โดยที่ประชาคมอาเซียน มีแนวโน้มว่าจำนวนประชากรที่มีอายุมากกว่า ๖๐ ปี จะเพิ่มขึ้นจาก ๕๙.๕ ล้านคน เป็น ๑๒๗ ล้านคน ภายในเวลา ๒๐ ปี แถลงการณ์อาเซียนบวกสามว่าด้วย “สูงวัยอย่างมีศักยภาพ” จึงเน้นส่งเสริมการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ระหว่างกัน และแถลงการณ์ฉบับนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งของความสำเร็จของไทยในการปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. ๒๐๒๕ มุ่งหน้าไปด้วยกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งรวมถึงผู้สูงอายุ
--กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ--