กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ และสถานกงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขตว่า กระทรวงการเงินแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) ได้ออกข้อกำหนด ฉบับเลขที่ ๒๘๓๔/กง ลงวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ ว่าด้วยการเก็บ “ภาษีอากรมูลค่าเพิ่ม” มีลักษณะเป็นภาษีนำเข้า ครอบคลุมเครื่องใช้ทั้งใหม่และเก่าที่ติดตัวมากับผู้โดยสารเข้า สปป. ลาวที่เป็นพลเมืองลาว คนต่างด้าว คนต่างประเทศที่อาศัยใน สปป.ลาว ผ่านด่านชายแดนและด่านท่าอากาศยานนานาชาติในอัตราร้อยละ ๑๐ ของสินค้าที่นำติดตัว รายละเอียดมีดังนี้ ๑. สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางเข้า-ออก สปป. ลาวไม่เป็นประจำ (ไม่เกิน ๒ ครั้งต่อเดือน) จะได้รับการยกเว้นการเก็บภาษีสินค้าติดตัวที่มีมูลค่าไม่เกิน ๕๐ ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ ๑,๕๐๐ บาท) และเรียกเก็บร้อยละ ๑๐ ของมูลค่าที่เกิน ๕๐ ดอลลาร์สหรัฐ กรณีที่ผู้โดยสารมีใบเสร็จรับเงินของสินค้าไม่ครบถ้วน ใบเสร็จรับเงินไม่ชัดเจน หรือไม่มีใบเสร็จรับเงิน เจ้าหน้าที่ภาษีมีสิทธิประเมินมูลค่าสินค้าตามที่เห็นเหมาะสม ๒. สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางเข้า-ออก สปป. ลาวผ่านด่านศุลกากรชายแดน รวมทั้งด่านท่าอากาศยานสากลเป็นประจำ จะไม่ได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับสินค้าติดตัวผู้โดยสารในมูลค่า ๕๐ ดอลลาร์สหรัฐ โดยจะต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่มตามมูลค่าจริงของสินค้านำเข้า ในการนี้ เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๙ นายบุนปะเสิด สีกุนละบุด รักษาการอธิบดีกรมภาษี กระทรวงการเงินลาว ได้แถลงข่าวว่า การจัดเก็บภาษีดังกล่าวจะเริ่มบังคับใช้กับผู้นำเข้าสินค้าและเครื่องใช้ผ่านสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ ๑ (หนองคาย - เวียงจันทน์) เพียงแห่งเดียวในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๙ ก่อนดำเนินการในจุดผ่านแดนอื่นๆ และท่าอากาศยานสากลต่อไป
ทั้งนี้ ผลกระทบที่อาจมีต่อนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไป สปป.ลาว หลังจากการบังคับใช้ข้อกำหนดดังกล่าว ได้แก่ นักท่องเที่ยวไทยอาจถูกเก็บภาษีสินค้าจากสิ่งของที่นำติดตัว ความจำเป็นในการกรอกใบสำแดงมูลค่าสินค้า และระยะเวลาในการผ่านด่านศุลกากรที่อาจนานขึ้น รวมทั้ง อาจทำให้สินค้าไทยใน สปป. ลาวมีราคาสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่น่าจะกระทบการบริโภคสินค้าไทยของคนลาวมากนัก เนื่องจากสินค้าไทยเป็นที่นิยมของคนลาว
--กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ--