เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ศาลอาญาได้พิพากษาลงโทษเจ้าของเรือประมง “มุกอันดามัน ๐๑๘” และ “มุกอันดามัน ๐๒๘” ในความผิดหลายข้อหา ได้แก่ ฐานนำเรือทั้งสองลำออกไปทำการประมงในน่านน้ำของรัฐต่างประเทศและในทะเลหลวงโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือนำเรือบรรทุกสินค้าประมงห้องเย็นออกไปน่านน้ำต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานไม่นำเรือกลับเข้าเทียบท่าภายในเวลาที่กำหนดตามหลักเกณฑ์และประกาศของกรมประมง ฐานนำเรือออกไปทำประมงพาณิชย์ในทะเลนอกชายฝั่งและกลับเข้าเทียบท่าเกินกำหนดเวลาโดยไม่แจ้งศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า - ออกเรือประมง ฐานจ้างแรงงานต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานและหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทย ฐานไม่กำหนดเวลาพักของลูกจ้างตามกฎหมาย ตลอดจนไม่จัดทำหลักฐานเวลาพัก ไม่จัดทำหนังสือสัญญาจ้างที่มีข้อความตรงกัน ๒ ฉบับ สำหรับนายจ้างและลูกจ้างเก็บไว้ และไม่จัดทำเอกสารเกี่ยวกับการจ่ายค่าจ้างและค่าทำงานในวันหยุดให้พนักงานตรวจแรงงานตรวจสอบ รวมถึงไม่ได้แสดงเอกสารทะเบียนลูกจ้างต่อศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า - ออกเรือประมง
ศาลได้ลงโทษปรับเจ้าของเรือประมงและพวกรวม ๒ คน ในทุกฐานความผิด รายละ ๑๑๑,๕๔๓,๕๐๐ บาท และลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๖ เดือน โดยให้รอลงโทษไว้มีกำหนด ๒ ปี และหากต้องกักขังแทนค่าปรับ ให้กักขังได้เกินกว่า ๑ ปี
ก่อนหน้านี้ ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาเรือประมงที่ออกไปทำประมงผิดกฎหมายนอกน่านน้ำในช่วงเวลาเดียวกันอีก ๔ ลำ ได้แก่ เรือยู่หลง ๑๒๕ เรือยู่หลง ๖ เรือฮงชิฟู ๖๘ และเรือเซริบู เป็นเงินรวมมากกว่า ๒๓๕ ล้านบาท ซึ่งสะท้อนความจริงจังของรัฐบาลไทยในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อป้องปรามการทำประมงผิดกฎหมายและการใช้แรงงานประมงอย่างผิดกฎหมาย เพื่อส่งเสริมการประมงอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบตามมาตรฐาน สากลต่อไป
ที่มา: กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ