กรุงเทพ--14 ธ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเยือนบาห์เรนอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 10-12 ธันวาคม 2550 ตามคำเชิญของ Shaikh Khalifa bin Salman Al Khalifa นายกรัฐมนตรีบาห์เรน โดยมีนายนิตย์ พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมในคณะด้วย การเยือนครั้งนี้เป็นการเยือนต่างตอบแทนที่สำคัญต่อความสัมพันธ์สองฝ่าย หลังจากที่นายกรัฐมนตรีบาห์เรนได้เสด็จเยือนไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 10-12 มกราคม 2550 โดยเป็นผู้นำรัฐบาลต่างประเทศพระองค์แรกที่เดินทางเยือนประเทศไทยในช่วงรัฐบาลปัจจุบัน
การเยือนได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและสมเกียรติ ถือเป็นการเยือนอย่างเป็นทางการที่สำคัญสำหรับฝ่ายบาห์เรน และบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้กล่าวคือ การกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-บาห์เรน ซึ่งเป็นพันธมิตรในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ใกล้ชิดอย่างมากของไทย การเยือนครั้งนี้เป็นการสานต่อความสัมพันธ์ระดับผู้นำสูงสุด เพื่อผลักดันและเร่งรัดประเด็นความร่วมมือทวิภาคีที่มีผลประโยชน์ต่อไทย โดยเฉพาะความร่วมมือด้านพลังงาน ทั้งนี้ ในโอกาสครบรอบ 30 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-บาห์เรนเมื่อเดือนมกราคม 2550
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2550 นายกรัฐมนตรีได้พบหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีบาห์เรน และได้เข้าเฝ้าฯ King Hamad bin Isa Al Khalifa สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน รวมทั้งพบกับชุมชนชาวไทยในบาห์เรน
ในการหารือกับระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีบาห์เรน ผู้นำบาห์เรนได้ย้ำว่า ประเทศไทยเป็นมิตรประเทศสำคัญ และมีความสัมพันธ์พิเศษกับบาห์เรน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริม ความร่วมมือระหว่างสองประเทศในด้านต่างๆ คือ
ด้านการศึกษา ฝ่ายบาห์เรนตอบสนองการให้ความช่วยเหลือไทยในการส่งเสริมให้นักศึกษาไทยมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาศึกษาในบาห์เรน ในสาขาที่บาห์เรนมีความเชี่ยวชาญ อาทิ ธนาคารอิสลาม และการปิโตรเลียม
ด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือในการจัดตั้งสภาธุรกิจร่วมระหว่างทั้งสองประเทศ
ด้านพลังงาน นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณที่บาห์เรนให้การสนับสนุนบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตเลียมจำกัด (มหาชน) ในการสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในแปลงสำรวจนอกชายฝั่งที่ 2และหวังที่จะได้มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดต่อไป รวมทั้งแปลงสำรวจบนชายฝั่งที่บริษัทฯ อยู่ระหว่างการประมูลด้วย โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีทั้งสองได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันในสาขาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ (MOU on Enhancement of Mutual Cooperation in the Field of Oil and Gas) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินการสำรวจ/ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในบาห์เรนของบริษัท ปตท.สผ. รวมทั้งส่งเสริมการวิจัยและการแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญด้านพลังงานระหว่างกันต่อไป
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีบาห์เรนยังแสดงการสนับสนุนการดำเนินการของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยย้ำว่าความมั่นคงและเสถียรภาพของไทยเป็นเรื่องที่บาห์เรนให้ความสำคัญที่สุด
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเยือนบาห์เรนอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 10-12 ธันวาคม 2550 ตามคำเชิญของ Shaikh Khalifa bin Salman Al Khalifa นายกรัฐมนตรีบาห์เรน โดยมีนายนิตย์ พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมในคณะด้วย การเยือนครั้งนี้เป็นการเยือนต่างตอบแทนที่สำคัญต่อความสัมพันธ์สองฝ่าย หลังจากที่นายกรัฐมนตรีบาห์เรนได้เสด็จเยือนไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 10-12 มกราคม 2550 โดยเป็นผู้นำรัฐบาลต่างประเทศพระองค์แรกที่เดินทางเยือนประเทศไทยในช่วงรัฐบาลปัจจุบัน
การเยือนได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและสมเกียรติ ถือเป็นการเยือนอย่างเป็นทางการที่สำคัญสำหรับฝ่ายบาห์เรน และบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้กล่าวคือ การกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-บาห์เรน ซึ่งเป็นพันธมิตรในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ใกล้ชิดอย่างมากของไทย การเยือนครั้งนี้เป็นการสานต่อความสัมพันธ์ระดับผู้นำสูงสุด เพื่อผลักดันและเร่งรัดประเด็นความร่วมมือทวิภาคีที่มีผลประโยชน์ต่อไทย โดยเฉพาะความร่วมมือด้านพลังงาน ทั้งนี้ ในโอกาสครบรอบ 30 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-บาห์เรนเมื่อเดือนมกราคม 2550
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2550 นายกรัฐมนตรีได้พบหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีบาห์เรน และได้เข้าเฝ้าฯ King Hamad bin Isa Al Khalifa สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน รวมทั้งพบกับชุมชนชาวไทยในบาห์เรน
ในการหารือกับระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีบาห์เรน ผู้นำบาห์เรนได้ย้ำว่า ประเทศไทยเป็นมิตรประเทศสำคัญ และมีความสัมพันธ์พิเศษกับบาห์เรน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริม ความร่วมมือระหว่างสองประเทศในด้านต่างๆ คือ
ด้านการศึกษา ฝ่ายบาห์เรนตอบสนองการให้ความช่วยเหลือไทยในการส่งเสริมให้นักศึกษาไทยมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาศึกษาในบาห์เรน ในสาขาที่บาห์เรนมีความเชี่ยวชาญ อาทิ ธนาคารอิสลาม และการปิโตรเลียม
ด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือในการจัดตั้งสภาธุรกิจร่วมระหว่างทั้งสองประเทศ
ด้านพลังงาน นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณที่บาห์เรนให้การสนับสนุนบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตเลียมจำกัด (มหาชน) ในการสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในแปลงสำรวจนอกชายฝั่งที่ 2และหวังที่จะได้มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดต่อไป รวมทั้งแปลงสำรวจบนชายฝั่งที่บริษัทฯ อยู่ระหว่างการประมูลด้วย โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีทั้งสองได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันในสาขาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ (MOU on Enhancement of Mutual Cooperation in the Field of Oil and Gas) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินการสำรวจ/ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในบาห์เรนของบริษัท ปตท.สผ. รวมทั้งส่งเสริมการวิจัยและการแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญด้านพลังงานระหว่างกันต่อไป
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีบาห์เรนยังแสดงการสนับสนุนการดำเนินการของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยย้ำว่าความมั่นคงและเสถียรภาพของไทยเป็นเรื่องที่บาห์เรนให้ความสำคัญที่สุด
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-