ตามที่พระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ นายทรงศัก สายเชื้อ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา ได้เข้าพบนาย Yukiya Amano ผู้อำนวยการใหญ่ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ เพื่อยื่นภาคยานุวัติสารและสัตยาบันสารสำหรับการเข้าเป็นภาคีในตราสารระหว่างประเทศ ๔ ฉบับ ดังนี้
๑. อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองทางกายภาพของวัสดุนิวเคลียร์
๒. ข้อแก้ไขเพิ่มเติมของอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองทางกายภาพของวัสดุนิวเคลียร์
๓. อนุสัญญาว่าด้วยความปลอดภัยทางนิวเคลียร์
๔. อนุสัญญาร่วมว่าด้วยความปลอดภัยของการจัดการเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วและความปลอดภัยของการจัดการกากกัมมันตรังสี
โดยฉบับที่ ๑ และ ๒ จะมีผลบังคับใช้ต่อไทยตั้งแต่วันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๑ และฉบับที่ ๓ และ ๔ จะมีผลบังคับใช้ต่อไทยตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑
การเข้าเป็นภาคีในตราสารระหว่างประเทศข้างต้น เป็นการตอกย้ำถึงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นของไทยต่อประชาคมระหว่างประเทศที่จะสร้างเสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยและความมั่นคงทางนิวเคลียร์ ทั้งนี้ ไทยมีแผนที่จะดำเนินการเข้าเป็นภาคีของความตกลงระหว่างประเทศทีเกี่ยวข้องต่อไป อาทิ สนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ และอนุสัญญาเพื่อการปรามปรามการก่อการร้ายที่ใช้นิวเคลียร์
อนึ่ง การใช้พลังงานนิวเคลียร์ในทางสันติเป็นการนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ในการพัฒนาและวิจัยเพื่อส่งเสริมศักยภาพทางเทคโนโลยีและประยุกต์ใช้ในสาขาต่าง ๆ เช่น การเกษตร สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม เป็นต้น เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต สร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ และพัฒนาความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมและในสาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ในฐานะสมาชิกของประชาคมระหว่างประเทศ ไทยได้มีบทบาทที่แข็งขันร่วมกับประเทศต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะร่วมสร้างมาตรฐานการกำกับดูแลให้การใช้พลังงานนิวเคลียร์เป็นไปอย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และถูกนำไปใช้ในทางสันติอย่างแท้จริง
ที่มา: กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ