นางอิซาเบล เด เซนต์ มาโล เด อัลบาราโด รองประธานาธิบดีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐปานามา มีกำหนดเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศระหว่างวันที่ ๒๐ – ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๑ ตามคำเชิญของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ในวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๑ รองประธานาธิบดีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศปานามามีกำหนดเข้าเยี่ยมคารวะพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ทำเนียบรัฐบาล พร้อมทั้งหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ทั้งสองฝ่ายจะหารือเกี่ยวกับแนวทางที่จะส่งเสริมการเชื่อมโยงการค้าการลงทุนระหว่างกัน อาทิ การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์และข้อได้เปรียบด้านต้นทุนที่ลดลงจากผลสำเร็จของโครงการขยายคลองปานามาที่ทำให้เรือขนาดใหญ่แล่นผ่านได้สะดวกขึ้น ทำให้ต้นทุนการขนส่งสินค้าลดลง อีกทั้งประเทศไทยจะได้เรียนรู้ประสบการณ์ของฝ่ายปานามาจากการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ Colon Free Zone เพื่อประยุกต์ใช้กับโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่รองประธานาธิบดีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศปานามาและคณะด้วย
นอกจากนี้ รองประธานาธิบดีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศปานามาจะพบปะกับภาคเอกชนไทยในการสัมมนาเกี่ยวกับโอกาสด้านการค้าและการลงทุนในปานามา โดยทั้งไทยและปานามาต่างมีชื่อเสียงและศักยภาพในฐานะที่มีที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์และได้รับการยอมรับในระดับสากลในการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และลาตินอเมริกาการเยือนไทยครั้งนี้ นับเป็นการเยือนระดับสูงที่สุดของปานามาตั้งแต่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อปี ๒๕๒๕ ซึ่งเกิดขึ้นไม่นานภายหลังจากการเยือนปานามาอย่างเป็นทางการของนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูลรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๑ อันจะมีส่วนเสริมสร้างพลวัตและส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับปานามาให้แน่นแฟ้นและขยายตัวยิ่งขึ้น
อนึ่ง นางอิซาเบล เด เซนต์ มาโล เด อัลบาราโด ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศปานามาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยเป็นสุภาพสตรีคนแรกในประวัติศาสตร์ปานามาที่ดำรงตำแหน่งดังกล่าว และเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญงานการทูตพหุภาคีโดยเฉพาะประเด็นความเท่าเทียมกันทางเพศซึ่งสามารถผลักดันให้ปานามากำหนดการจ้างงานเพศหญิงในอัตราร้อยละ ๓๐ อีกด้วย
ที่มา: กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ