เมื่อวันที่ ๒๖ – ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ กระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสภายใต้คณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย – เมียนมา และการประชุมคณะสำรวจร่วมทางเทคนิคไทย – เมียนมา เพื่อพิจารณายกร่างข้อบทว่าด้วยการพรรณนาแนวเส้นเขตแดน ครั้งที่ ๒ ณ โรงแรมแชงกรี-ลา จังหวัดเชียงใหม่
การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสฯ มีนายวศิน ธีรเวชญาณ ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศด้านกฎหมายเขตแดนและรองประธานคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย – เมียนมา (ฝ่ายไทย) และนาย U Myo Thant Pe อธิบดีกรมการกงสุลและกฎหมายเมียนมา เป็นประธานร่วม โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนตลอดแนวระหว่างไทยกับเมียนมา
การประชุมคณะสำรวจร่วมทางเทคนิคฯ ครั้งที่ ๒ มีนายเชิดชู รักตะบุตร อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ และนาย U Thet Oo อธิบดีกรมการสำรวจ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและการอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมเมียนมา เป็นประธานร่วม โดยคณะสำรวจร่วมฯ เป็นคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย – เมียนมา มีหน้าที่พิจารณายกร่างข้อบทว่าด้วยการพรรณนาแนวเส้นเขตแดนให้เป็นไปตามสนธิสัญญาและแผนที่ที่มีอยู่ในอดีตเพื่อเสนอคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย – เมียนมา พิจารณาต่อไป โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความเห็นและประสบการณ์เกี่ยวกับกระบวนการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนของแต่ละฝ่ายกับประเทศเพื่อนบ้าน และหารือเกี่ยวกับการจัดทำข้อบทว่าด้วยการพรรณนาแนวเส้นเขตแดนไทย – เมียนมา รวมถึงการนำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto Maps) ที่ทั้งสองฝ่ายได้เคยจัดทำร่วมกันมาใช้ประโยชน์ในการยกร่างข้อบทดังกล่าวและการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนไทย – เมียนมา ต่อไป
การประชุมทั้งสองคณะเป็นไปด้วยบรรยากาศฉันมิตร ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งในการพัฒนาความร่วมมือด้านเขตแดนของทั้งสองประเทศให้เป็นรูปธรรม อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการป้องกันปัญหาเกี่ยวกับเขตแดนและการบริหารจัดการชายแดนของไทยและเมียนมาอย่างยั่งยืนต่อไป
อนึ่ง ไทยและเมียนมามีเขตแดนร่วมกัน ๒,๔๐๑ กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นเส้นเขตแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านที่ยาวที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับเขตแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ ปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อดำเนินการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนร่วมกันเพื่อให้เส้นเขตแดนตลอดแนวมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยมีคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย – เมียนมา เป็นกลไกหลักในการดำเนินการดังกล่าว
ที่มา: กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ