กรุงเทพ--25 ม.ค.-กระทรวงการต่างประเทศ
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา ให้การต้อนรับนายอาซิส เบ็ญหาวัน ประธานสภาที่ปรึกษาเสริมสร้างสันติสุขในจังหวัดภาคใต้ (สสต.) สมาชิก สสต. รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสตูล ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) รวม 34 คน เดินทางเยือนสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 22-25 มกราคม 2551 ตามคำเชิญของ ดร.ดิน ซัมซุดดิน (Dr. Din Syamsuddin) ผู้นำองค์กรมุสลิมมูฮัมมาดิยาห์
คณะผู้แทน สสต. และ ศอ.บต. ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายดิน ซัมซุดดิน ผู้นำองค์กร มูฮัมมาดิยาห์ และนายฮาซิม มูซาดี ผู้นำองค์กรมุสลิม Nahdlatul Ulama (NU) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับผู้นำทั้งสององค์กร และสานต่อความร่วมมือต่าง ๆ ภายหลังจากการเยือนประเทศไทยของผู้นำองค์กรมุสลิมทั้งสองในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศเมื่อปี 2550 และได้เยี่ยมชมกิจการโรงพยาบาลอิสลามและคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยขององค์กร มูฮัมมาดิยาห์ที่กรุงจาการ์ตา โรงเรียนระดับประถมศึกษา มหาวิทยาลัย และธนาคารเพื่อสินเชื่อรายย่อยขององค์กรมูฮัมมาดิยาห์และโรงเรียนมัธยมศึกษาปอเนาะที่ใช้หลักสูตรและบริหารโดยองค์กร NU ที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซียที่จังหวัดยอกยาการ์ตา ทั้งนี้ ผู้นำ NU ได้ย้ำถึงเจตนารมณ์ที่จะให้ทุนการศึกษาแก่นักศึกษาไทยมุสลิมจำนวน 10 คน เข้ารับการศึกษาในสาขาต่างๆ ในมหาวิทยาลัยภายใต้การบริหารของ NU ในขณะที่ องค์กรมูฮัมมาดิยาห์ก็แสดงความพร้อมที่จะรับนักศึกษาไทยเข้าศึกษาและฝึกอบรมด้านการสาธารณสุข ในคณะแพทย์ศาสตร์ของมหาวิทยาลัยขององค์กร
ในโอกาสการเยือนอินโดนีเซียครั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ยังได้จัดให้คณะเข้ารับฟังการบรรยายสรุปจาก ฯพณฯ ร้อยโท อัครสิทธิ์ อมาตยกุล เอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา เกี่ยวกับภาพรวมความสัมพันธ์ไทย-อินโดนีเซีย และการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ส่งเสริมความสัมพันธ์กับโลกมุสลิม โดยการสร้างเครือข่ายกับผู้นำองค์กรมุสลิมสายกลาง รวมทั้งให้การส่งเสริมและสนับสนุนนักศึกษาไทยมุสลิมในอินโดนีเซีย หลังจากนั้น ออท. และภริยาได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำแก่คณะผู้แทน สสต. และ ศอ.บต. และในระหว่างงานเลี้ยงได้จัดให้พบปะพูดคุยและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับ นศ. ไทยในกรุงจาการ์ตาเกี่ยวกับความต้องการของนักศึกษา ปัญหาและอุปสรรค และแนวทางแก้ไขต่าง ๆ รวมทั้งจัดกำหนดการให้พบกับนักศึกษาไทยที่ จว. ยอกยาการ์ตา และโซโล ด้วย
ในโอกาสเดียวกันนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ยังได้จัดให้คณะได้รับฟังการบรรยายและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การสร้างสันติภาพใน จว. อาเจห์ของอินโดนีเซีย โดยพลโท Bambang Darmono เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายรัฐบาลอินโดนีเซียในการดำเนินการให้เกิดผลตามข้อตกลงสันติภาพอาเจห์ภายใต้การดำเนินงานของ Aceh Monitoring Mission — AMM เพื่อเป็นกรณีศึกษาสำหรับเป็นบทเรียนและการนำไปประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ในประเทศไทย
อนึ่ง องค์กรมุสลิมมูฮัมมาดิยาห์และ NU เป็นองค์กรมุสลิมสายกลางที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในอินโดนีเซีย มีจำนวนสมาชิกประมาณ 35 ล้านคน และ 40 ล้านคน ตามลำดับ และผู้นำสูงสุดขององค์กรทั้งสองเปรียบเทียบได้กับตำแหน่งจุฬาราชมนตรีของไทย ทั้งนี้ กิจกรรมขององค์กรทั้งสองมิได้จำกัดอยู่แต่เพียงด้านศาสนา แต่ยังครอบคลุมไปสู่วิถีชีวิตประจำวันของประชาชนทั้งโอกาสทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การให้บริการการศึกษา และสาธารณสุข ฯลฯ ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้เคยเชิญผู้นำขององค์กรทั้งสองเดินทางเยือนประเทศไทยในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศเมื่อเดือน ก.ค. 50 และเดือน ส.ค. 50 ตามลำดับ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา ให้การต้อนรับนายอาซิส เบ็ญหาวัน ประธานสภาที่ปรึกษาเสริมสร้างสันติสุขในจังหวัดภาคใต้ (สสต.) สมาชิก สสต. รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสตูล ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) รวม 34 คน เดินทางเยือนสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 22-25 มกราคม 2551 ตามคำเชิญของ ดร.ดิน ซัมซุดดิน (Dr. Din Syamsuddin) ผู้นำองค์กรมุสลิมมูฮัมมาดิยาห์
คณะผู้แทน สสต. และ ศอ.บต. ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายดิน ซัมซุดดิน ผู้นำองค์กร มูฮัมมาดิยาห์ และนายฮาซิม มูซาดี ผู้นำองค์กรมุสลิม Nahdlatul Ulama (NU) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับผู้นำทั้งสององค์กร และสานต่อความร่วมมือต่าง ๆ ภายหลังจากการเยือนประเทศไทยของผู้นำองค์กรมุสลิมทั้งสองในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศเมื่อปี 2550 และได้เยี่ยมชมกิจการโรงพยาบาลอิสลามและคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยขององค์กร มูฮัมมาดิยาห์ที่กรุงจาการ์ตา โรงเรียนระดับประถมศึกษา มหาวิทยาลัย และธนาคารเพื่อสินเชื่อรายย่อยขององค์กรมูฮัมมาดิยาห์และโรงเรียนมัธยมศึกษาปอเนาะที่ใช้หลักสูตรและบริหารโดยองค์กร NU ที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซียที่จังหวัดยอกยาการ์ตา ทั้งนี้ ผู้นำ NU ได้ย้ำถึงเจตนารมณ์ที่จะให้ทุนการศึกษาแก่นักศึกษาไทยมุสลิมจำนวน 10 คน เข้ารับการศึกษาในสาขาต่างๆ ในมหาวิทยาลัยภายใต้การบริหารของ NU ในขณะที่ องค์กรมูฮัมมาดิยาห์ก็แสดงความพร้อมที่จะรับนักศึกษาไทยเข้าศึกษาและฝึกอบรมด้านการสาธารณสุข ในคณะแพทย์ศาสตร์ของมหาวิทยาลัยขององค์กร
ในโอกาสการเยือนอินโดนีเซียครั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ยังได้จัดให้คณะเข้ารับฟังการบรรยายสรุปจาก ฯพณฯ ร้อยโท อัครสิทธิ์ อมาตยกุล เอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา เกี่ยวกับภาพรวมความสัมพันธ์ไทย-อินโดนีเซีย และการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ส่งเสริมความสัมพันธ์กับโลกมุสลิม โดยการสร้างเครือข่ายกับผู้นำองค์กรมุสลิมสายกลาง รวมทั้งให้การส่งเสริมและสนับสนุนนักศึกษาไทยมุสลิมในอินโดนีเซีย หลังจากนั้น ออท. และภริยาได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำแก่คณะผู้แทน สสต. และ ศอ.บต. และในระหว่างงานเลี้ยงได้จัดให้พบปะพูดคุยและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับ นศ. ไทยในกรุงจาการ์ตาเกี่ยวกับความต้องการของนักศึกษา ปัญหาและอุปสรรค และแนวทางแก้ไขต่าง ๆ รวมทั้งจัดกำหนดการให้พบกับนักศึกษาไทยที่ จว. ยอกยาการ์ตา และโซโล ด้วย
ในโอกาสเดียวกันนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ยังได้จัดให้คณะได้รับฟังการบรรยายและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การสร้างสันติภาพใน จว. อาเจห์ของอินโดนีเซีย โดยพลโท Bambang Darmono เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายรัฐบาลอินโดนีเซียในการดำเนินการให้เกิดผลตามข้อตกลงสันติภาพอาเจห์ภายใต้การดำเนินงานของ Aceh Monitoring Mission — AMM เพื่อเป็นกรณีศึกษาสำหรับเป็นบทเรียนและการนำไปประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ในประเทศไทย
อนึ่ง องค์กรมุสลิมมูฮัมมาดิยาห์และ NU เป็นองค์กรมุสลิมสายกลางที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในอินโดนีเซีย มีจำนวนสมาชิกประมาณ 35 ล้านคน และ 40 ล้านคน ตามลำดับ และผู้นำสูงสุดขององค์กรทั้งสองเปรียบเทียบได้กับตำแหน่งจุฬาราชมนตรีของไทย ทั้งนี้ กิจกรรมขององค์กรทั้งสองมิได้จำกัดอยู่แต่เพียงด้านศาสนา แต่ยังครอบคลุมไปสู่วิถีชีวิตประจำวันของประชาชนทั้งโอกาสทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การให้บริการการศึกษา และสาธารณสุข ฯลฯ ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้เคยเชิญผู้นำขององค์กรทั้งสองเดินทางเยือนประเทศไทยในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศเมื่อเดือน ก.ค. 50 และเดือน ส.ค. 50 ตามลำดับ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-