กรุงเทพ--25 ก.พ.-กระทรวงการต่างประเทศ
นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอย่างเป็นทางการ ในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ ระหว่างวันที่ 21-22 กุมภาพันธ์ 2551
ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2551 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าพบ ดร. ทองลุน สีสุลิด รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยทั้งสองได้หารือในประเด็นต่างๆ ที่มุ่งสู่การกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดีระหว่างประเทศเพื่อนบ้านทั้งสอง ทั้งนี้ ได้มีการพูดคุยถึงกำหนดการเยือนลาวอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 29 กุมภาพันธ์ — 1 มีนาคม 2551
การปักปันเขตแดนไทย-ลาว ซึ่งมีกำหนดให้การปักปันเขตแดนทางบกแล้วเสร็จในปี 2551 และทางน้ำในปี 2553 และได้มีการหารือถึงความร่วมมือในการดำเนินการด้านต่างๆ ได้แก่ การจัดสร้างทางรถไฟเชื่อมระหว่างสองประเทศ การสร้างสะพานแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 การจัดสร้างท่าอากาศยานสะหวันนะเขต การขยายการเปิดด่านชายแดน การแก้ไขปัญหาชาวม้งในประเทศไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยังได้เข้าเยี่ยมคารวะนายบัวสอน บุบผาวัน นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับโอกาสในการพัฒนาความร่วมมือของทั้งสองประเทศ
หลังจากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าเยี่ยมคารวะพลโท จูมมะลี ไชยะสอน ประธานประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประธานประเทศได้กล่าวแสดงความยินดีต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ และหวังว่าทั้งสองประเทศจะกระชับความสัมพันธ์อันดีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ยืนยันในความั่งคั่งและมั่นคงของลาวจะส่งผลดีต่อไทย
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบปะกับคณะนักธุรกิจไทยที่เข้ามาลงทุนในลาว ในสาขาต่างๆ อาทิ กลุ่มนักธุรกิจการก่อสร้าง การเกษตร ธนาคาร พลังงาน การบิน สิ่งทอ โรงพยาบาล / ภาคบริการ ศูนย์การค้า ในระหว่างงานเลี้ยงอาหารกลางวันซึ่งเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์เป็นเจ้าภาพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่าโอกาสทางธุรกิจในลาวนั้นมีมาก และกระทรวงการต่างประเทศจะให้การสนับสนุนนักธุรกิจไทยโดยจะจัดการสัมมนาเรื่องโอกาสทางธุรกิจในลาวที่กระทรวงการต่างประเทศ
การเยือนสิ้นสุดลง โดยที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและคณะ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทั้งสองประเทศ
ในระหว่างการเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไทยผ่านทางโทรศัพท์ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. ประเด็นทั่วไป
รัฐมนตรีว่าการฯ ถือว่าไทยและลาวเป็นญาติกันจึงได้เดินทางมาเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นประเทศแรกๆ และยังใช้ภาษาอีสาน-ลาว ในระหว่างการประชุมอีกด้วย ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้ยืนยันกับฝ่ายลาวว่าความมั่งคั่งและความมั่นคงของลาวเสมือนของไทย
2. การเยือนของนายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวว่านายกรัฐมนตรีจะเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นประเทศแรกระหว่าง 29 กุมภาพันธ์— 1 มีนาคม 2551 และจะเยือนอีกครั้งหนึ่งเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (GMS Summit) ครั้งที่ 3 ที่เวียงจันทน์ ระหว่าง 30-31 มีนาคม 2551
3. การปักปันเขตแดน
รัฐมนตรีว่าการฯ แสดงความพอใจที่การปักปันเขตแดนระหว่างทั้งสองประเทศคืบหน้าไปมาก โดยเขตแดนทางบก มีเป้าหมายให้แล้วเสร็จตลอดแนวในปี 2551 สำหรับเขตแดนทางน้ำ มีโครงการให้แล้วเสร็จในปี 2553
4. ประเด็นคมนาคม ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการค้า การติดต่อระหว่างประชาชน การท่องเที่ยวทั้งสองฝ่าย
รัฐมนตรีว่าการฯ แจ้งว่าเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 51 ได้มีพิธีเชื่อมต่อทางรถไฟระหว่างสองประเทศสายหนองคาย-ท่านาแล้ง ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในเดือนเมษายน ปีนี้ ทั้งนี้ ถือเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ (รางถึงราง ใจถึงใจ) และได้ชักชวนให้ฝรั่งเศสเข้ามาช่วยในโครงการระยะที่ 2 ต่อทางรถไฟจากท่านาแล้ง ไปถึงนครหลวงเวียงจันทน์ เป็นระยะทางอีก 9 กม. ด้วย นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ยังได้กล่าวถึงสะพานข้ามแม่น้ำโขง แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) ซึ่งไทยสร้างให้
และจะทำพิธีวางศิลาฤกษ์ในเวลาอันใกล้ สำหรับสนามบินสะหวันนะเขตนั้น ทั้งสองฝ่ายจะรีบศึกษาโดยจะหารือกับ JBIC เพื่อช่วยดึงดูดการลงทุน การท่องเที่ยวจากประเทศที่สามมากขึ้น
5. การเปิดด่านชายแดน
รัฐมนตรีว่าการฯ แสดงความยินดีที่ฝ่ายลาวได้ขยายเวลาปิดด่านวังเต่า แขวงจำปาสัก ตรงข้ามกับด่านช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี จนถึงเวลา 20.00 น (จากเดิมปิดเวลา 18.00 น.) ซึ่งทำให้การขนส่งสินค้าและการเดินทางของประชาชนของทั้งสองฝ่ายเป็นไปอย่าสะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังได้ขอให้ลาวเปิดด่านสากลเพิ่มอีก 4 ด่าน ใน เขต จังหวัด น่าน เลย พะเยา และอุตรดิตถ์
6. ยาเสพติด เป็นปัญหาร่วมกัน
ไทยให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก 1 ล้านบาทเพื่อซื้อวัสดุทางการแพทย์แก่ศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติดที่แขวงจำปาสัก (รัฐบาลไทยเป็นผู้ให้เงินสร้างศูนย์ฯ 24.75 ล้านบาท)
7. กรณีม้ง
รัฐมนตรีว่าการฯ ชี้แจงว่ากรณีดังกล่าวเป็นปัญหาที่สองฝ่ายให้ความสำคัญ และจะร่วมมือกันแก้ปัญหา
โดยจะมอบให้คณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนไทย-ลาว (GBC) ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันประเทศลาวเป็นประธานร่วม ไปดำเนินการต่อ
8. การหารือกับนักธุรกิจ
รัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวว่าตนได้มีการหารือกับนักธุรกิจกลุ่มก่อสร้าง กลุ่มการเกษตร กลุ่มธนาคารกลุ่มพลังงาน กลุ่มการบิน กลุ่มสิ่งทอ กลุ่มโรงพยาบาล / ภาคบริการ กลุ่มศูนย์การค้า และเห็นว่าโอกาสทางธุรกิจมีมาก ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะสนับสนุนนักธุรกิจ โดยให้สถานเอกอัครราชทูตฯ เป็น Business Center และทำงานเป็น Team Thailand ทั้งนี้ จะให้มีการจัดการสัมนาเรื่องโอกาสทางธุรกิจในลาว ที่กระทรวงการต่างประเทศอีกด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอย่างเป็นทางการ ในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ ระหว่างวันที่ 21-22 กุมภาพันธ์ 2551
ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2551 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าพบ ดร. ทองลุน สีสุลิด รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยทั้งสองได้หารือในประเด็นต่างๆ ที่มุ่งสู่การกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดีระหว่างประเทศเพื่อนบ้านทั้งสอง ทั้งนี้ ได้มีการพูดคุยถึงกำหนดการเยือนลาวอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 29 กุมภาพันธ์ — 1 มีนาคม 2551
การปักปันเขตแดนไทย-ลาว ซึ่งมีกำหนดให้การปักปันเขตแดนทางบกแล้วเสร็จในปี 2551 และทางน้ำในปี 2553 และได้มีการหารือถึงความร่วมมือในการดำเนินการด้านต่างๆ ได้แก่ การจัดสร้างทางรถไฟเชื่อมระหว่างสองประเทศ การสร้างสะพานแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 การจัดสร้างท่าอากาศยานสะหวันนะเขต การขยายการเปิดด่านชายแดน การแก้ไขปัญหาชาวม้งในประเทศไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยังได้เข้าเยี่ยมคารวะนายบัวสอน บุบผาวัน นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับโอกาสในการพัฒนาความร่วมมือของทั้งสองประเทศ
หลังจากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าเยี่ยมคารวะพลโท จูมมะลี ไชยะสอน ประธานประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประธานประเทศได้กล่าวแสดงความยินดีต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ และหวังว่าทั้งสองประเทศจะกระชับความสัมพันธ์อันดีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ยืนยันในความั่งคั่งและมั่นคงของลาวจะส่งผลดีต่อไทย
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบปะกับคณะนักธุรกิจไทยที่เข้ามาลงทุนในลาว ในสาขาต่างๆ อาทิ กลุ่มนักธุรกิจการก่อสร้าง การเกษตร ธนาคาร พลังงาน การบิน สิ่งทอ โรงพยาบาล / ภาคบริการ ศูนย์การค้า ในระหว่างงานเลี้ยงอาหารกลางวันซึ่งเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์เป็นเจ้าภาพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่าโอกาสทางธุรกิจในลาวนั้นมีมาก และกระทรวงการต่างประเทศจะให้การสนับสนุนนักธุรกิจไทยโดยจะจัดการสัมมนาเรื่องโอกาสทางธุรกิจในลาวที่กระทรวงการต่างประเทศ
การเยือนสิ้นสุดลง โดยที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและคณะ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทั้งสองประเทศ
ในระหว่างการเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไทยผ่านทางโทรศัพท์ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. ประเด็นทั่วไป
รัฐมนตรีว่าการฯ ถือว่าไทยและลาวเป็นญาติกันจึงได้เดินทางมาเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นประเทศแรกๆ และยังใช้ภาษาอีสาน-ลาว ในระหว่างการประชุมอีกด้วย ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้ยืนยันกับฝ่ายลาวว่าความมั่งคั่งและความมั่นคงของลาวเสมือนของไทย
2. การเยือนของนายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวว่านายกรัฐมนตรีจะเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นประเทศแรกระหว่าง 29 กุมภาพันธ์— 1 มีนาคม 2551 และจะเยือนอีกครั้งหนึ่งเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (GMS Summit) ครั้งที่ 3 ที่เวียงจันทน์ ระหว่าง 30-31 มีนาคม 2551
3. การปักปันเขตแดน
รัฐมนตรีว่าการฯ แสดงความพอใจที่การปักปันเขตแดนระหว่างทั้งสองประเทศคืบหน้าไปมาก โดยเขตแดนทางบก มีเป้าหมายให้แล้วเสร็จตลอดแนวในปี 2551 สำหรับเขตแดนทางน้ำ มีโครงการให้แล้วเสร็จในปี 2553
4. ประเด็นคมนาคม ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการค้า การติดต่อระหว่างประชาชน การท่องเที่ยวทั้งสองฝ่าย
รัฐมนตรีว่าการฯ แจ้งว่าเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 51 ได้มีพิธีเชื่อมต่อทางรถไฟระหว่างสองประเทศสายหนองคาย-ท่านาแล้ง ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในเดือนเมษายน ปีนี้ ทั้งนี้ ถือเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ (รางถึงราง ใจถึงใจ) และได้ชักชวนให้ฝรั่งเศสเข้ามาช่วยในโครงการระยะที่ 2 ต่อทางรถไฟจากท่านาแล้ง ไปถึงนครหลวงเวียงจันทน์ เป็นระยะทางอีก 9 กม. ด้วย นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ยังได้กล่าวถึงสะพานข้ามแม่น้ำโขง แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) ซึ่งไทยสร้างให้
และจะทำพิธีวางศิลาฤกษ์ในเวลาอันใกล้ สำหรับสนามบินสะหวันนะเขตนั้น ทั้งสองฝ่ายจะรีบศึกษาโดยจะหารือกับ JBIC เพื่อช่วยดึงดูดการลงทุน การท่องเที่ยวจากประเทศที่สามมากขึ้น
5. การเปิดด่านชายแดน
รัฐมนตรีว่าการฯ แสดงความยินดีที่ฝ่ายลาวได้ขยายเวลาปิดด่านวังเต่า แขวงจำปาสัก ตรงข้ามกับด่านช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี จนถึงเวลา 20.00 น (จากเดิมปิดเวลา 18.00 น.) ซึ่งทำให้การขนส่งสินค้าและการเดินทางของประชาชนของทั้งสองฝ่ายเป็นไปอย่าสะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังได้ขอให้ลาวเปิดด่านสากลเพิ่มอีก 4 ด่าน ใน เขต จังหวัด น่าน เลย พะเยา และอุตรดิตถ์
6. ยาเสพติด เป็นปัญหาร่วมกัน
ไทยให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก 1 ล้านบาทเพื่อซื้อวัสดุทางการแพทย์แก่ศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติดที่แขวงจำปาสัก (รัฐบาลไทยเป็นผู้ให้เงินสร้างศูนย์ฯ 24.75 ล้านบาท)
7. กรณีม้ง
รัฐมนตรีว่าการฯ ชี้แจงว่ากรณีดังกล่าวเป็นปัญหาที่สองฝ่ายให้ความสำคัญ และจะร่วมมือกันแก้ปัญหา
โดยจะมอบให้คณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนไทย-ลาว (GBC) ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันประเทศลาวเป็นประธานร่วม ไปดำเนินการต่อ
8. การหารือกับนักธุรกิจ
รัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวว่าตนได้มีการหารือกับนักธุรกิจกลุ่มก่อสร้าง กลุ่มการเกษตร กลุ่มธนาคารกลุ่มพลังงาน กลุ่มการบิน กลุ่มสิ่งทอ กลุ่มโรงพยาบาล / ภาคบริการ กลุ่มศูนย์การค้า และเห็นว่าโอกาสทางธุรกิจมีมาก ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะสนับสนุนนักธุรกิจ โดยให้สถานเอกอัครราชทูตฯ เป็น Business Center และทำงานเป็น Team Thailand ทั้งนี้ จะให้มีการจัดการสัมนาเรื่องโอกาสทางธุรกิจในลาว ที่กระทรวงการต่างประเทศอีกด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-