๑. วันนี้ (๙ ม.ค. ๒๕๖๒) กระทรวงการต่างประเทศเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมหารือในกรอบคณะทำงานศูนย์ประสานงานฉุกเฉิน (Rapid Response Center - RRC) โดยมีนายธนา เวสโกสิทธิ์ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน เพื่อประเมินสถานการณ์ความตึงเครียดในอิรัก จากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน และบูรณาการการเตรียมพร้อมในการให้ความช่วยเหลือคนไทยในอิรักและอิหร่านของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมุ่งให้การสนับสนุนสถานเอกอัครราชทูตที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุดังกล่าว
๒. การดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศ
๒.๑ รัฐบาลไทยได้ติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของความตึงเครียดในอิรักและอิหร่านอย่างใกล้ชิดด้วยความห่วงกังวล
๒.๒ ตั้งแต่เกิดสถานการณ์ความตึงเครียดในอิรักและอิหร่าน กระทรวงการต่างประเทศโดยสถานเอกอัครราชทูตในภูมิภาคตะวันออกกลางได้ประกาศแจ้งเตือนคนไทยในพื้นที่ต่าง ๆ แล้ว ได้แก่ (๑) สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัมมาน ได้ออกประกาศแนะนำให้ผู้ที่จะเดินทางไปอิรักยกเว้นการเดินทางไปอิรักเป็นการชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ และ (๒) สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร ได้ออกประกาศแจ้งเตือนให้คนไทยในอิสราเอลและอียิปต์เพิ่มความระมัดระวัง โดยสถานเอกอัครราชทูตทั้งสามแห่งได้ประชาสัมพันธ์ช่องทางการติดต่อสถานเอกอัครราชทูตในกรณีฉุกเฉินไว้แล้ว
๓. ผลการประชุมของคณะทำงานศูนย์ประสานงานฉุกเฉิน (Rapid Response Center - RRC)
ที่ประชุมคณะทำงานศูนย์ประสานงานฉุกเฉิน (Rapid Response Center - RRC) เห็นว่า
๓.๑ ในชั้นนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัมมาน ได้เตรียมความพร้อมเพื่อให้ความช่วยเหลือคนไทยในอิหร่านและอิรักได้ตามแผน ในสถานการณ์ที่จำเป็นและเหมาะสม โดยที่ประชุมได้รับทราบข้อมูลสถานการณ์ในพื้นที่โดยตรงจากเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัมมานและสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน ทั้งนี้ จากการประเมินสถานการณ์สถานเอกอัครราชทูตทั้งสองแห่ง เห็นว่าสถานการณ์ยังไม่มีความรุนแรงที่จะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตตามปกติของคนไทยในพื้นที่ โดยคนไทยยังใช้ชีวิตตามปกติ นอกจากนี้ ที่ประชุมรับทราบถึงการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือคนไทยตามสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นและเห็นพ้องกันว่า ยังไม่มีความจำเป็นต้องส่งพาหนะพิเศษจากส่วนกลางไปช่วยเหลือคนไทยในประเทศที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ดี กระทรวงการต่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัมมาน จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสถานการณ์และพิจารณาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือเป็นระยะ ๆ ตามความจำเป็นเร่งด่วน
๓.๒ มีการพิจารณาแผนเผชิญเหตุและแผนอพยพคนไทย ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการ ของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัมมาน โดยคณะทำงาน RRC ได้ขอให้สถานเอกอัครราชทูตฯ ที่เกี่ยวข้อง ปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งบูรณาการการให้ความช่วยเหลือคนไทยของส่วนราชการด้วยแล้ว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็น จะมีการประชุม RRC เพื่อประเมินสถานการณ์และพิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลืออีกครั้งในโอกาสแรก
ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ