นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนเยือนไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ ๑๔ ถึง ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๓ ในฐานะแขกของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยถือเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศคนแรกที่เยือนไทยอย่างเป็นทางการภายหลังจากการแพร่ระบาดของโรคเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ในไทย ในการนี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนได้เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล และหารือกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่กระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพ
ในการเยือนไทยครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ใกล้ชิดและรอบด้าน บนพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ความเคารพซึ่งกันและกันและผลประโยชน์ร่วมกัน และแสดงความยินดีกับโอกาสการครบรอบ ๔๕ ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทยกับจีน พร้อมทั้งย้ำความจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นเพื่อเผชิญกับความท้าทายจากสถานการณ์ระหว่างประเทศ รวมถึงผลกระทบจากสถานการณ์โรคโควิด-๑๙ โดยได้แสดงความพร้อมที่จะเร่งฟื้นฟูการแลกเปลี่ยนและกิจกรรมต่าง ๆ ระหว่างไทยกับจีนให้กลับมามีพลวัตอีกครั้ง อาทิ การเร่งรัดการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือช่องทางพิเศษเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางในระยะสั้นให้แก่กลุ่มนักธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญที่จำเป็นของทั้งสองประเทศ ซึ่งจะนำร่องสู่การเปิดภาคการท่องเที่ยวในระยะต่อไป การพิจารณาจัดทำ ?ช่องทางสีเขียว? เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าระหว่างกัน การอำนวยความสะดวกให้นักเรียนและนักศึกษาไทยสามารถเดินทางกลับไปศึกษาต่อที่จีนได้ ตลอดจนการพิจารณาให้สายการบินของทั้งสองประเทศกลับมาทำการบินพาณิชย์ในเส้นทางไทยกับจีน
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-๑๙ โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้รับคำมั่นจากมนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนว่า จีนจะจัดให้ไทยเป็นกลุ่มประเทศแรก ๆ ที่จะเข้าถึงการจัดหาวัคซีนฯ ในโอกาสแรกที่จีนพัฒนาได้สำเร็จตามความต้องการของฝ่ายไทยพร้อมยินดีถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านวัคซีน โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกันในรายละเอียดต่อไป ขณะที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแสดงความชื่นชมจีนที่ได้ประกาศให้การผลิตวัคซีนต้านโรคโควิด-๑๙ เป็น ?สินค้าสาธารณะของโลก? ที่ทุกประเทศสามารถเข้าถึงได้ในราคาสมเหตุสมผลและสนับสนุนข้อริเริ่มเส้นทางสายไหมด้านสาธารณสุขของจีนเพื่อส่งเสริมความมั่นคงด้านสาธารณสุขในภูมิภาค
ทั้งสองฝ่ายยืนยันความพร้อมที่จะร่วมมือกันเพื่อฟื้นฟูสังคมและเศรษฐกิจของไทยและจีนรวมถึงภูมิภาคจากผลกระทบของสถานการณ์โควิด-๑๙ และเห็นชอบที่จะเร่งดำเนินการตามผลการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ให้มีผลเป็นรูปธรรม อาทิ การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม การขจัดความยากจน และการใช้แม่น้ำโขงร่วมกันอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเกี่ยวกับการส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกันผ่านโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย - จีน โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor - EEC) กับเขตอ่าวกวางตุ้ง - ฮ่องกง - มาเก๊า (Guangdong-Hong Kong-Macao Greater Bay Area - GBA) ซึ่งจะสนับสนุนข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative - BRI) ของจีน และรวมทั้งการลงทุนใน EEC ที่จะพัฒนาเป็นจุดศูนย์กลางการผลิตและโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดียผ่าน ?โครงการสะพานไทย? ข้ามอ่าวไทยที่รัฐบาลกำลังศึกษาอยู่ ทั้งนี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนเห็นว่า การดำเนินความร่วมมือในโครงการเชื่อมต่อสามสนามบินและเมืองอัจฉริยะใน EEC ให้มีความคืบหน้า จะเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับความร่วมมือให้แก่ภูมิภาคด้วย
ทั้งสองฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับประเด็นในภูมิภาคและระหว่างประเทศที่มีความสนใจร่วมกัน อาทิ สถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ ทะเลจีนใต้ ตลอดจนการส่งเสริมพหุภาคีนิยมและระบบระหว่างประเทศที่มีสหประชาชาติเป็นแกนกลาง พร้อมทั้งย้ำความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกันในกรอบอนุภูมิภาค ภูมิภาค และระหว่างประเทศเพื่อเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการส่งเสริมสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรือง และการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป รวมถึงแสดงความยินดีต่อความก้าวหน้าของความสัมพันธ์อาเซียน - จีน ที่จะครบรอบ ๓๐ ปีแห่งการก่อตั้งในปี ๒๕๖๔ ด้วย
ในการเยือนครั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและมนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนได้ลงนามร่วมกันในหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการได้มาและการจำหน่ายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและการเช่าที่ดินเพื่อใช้เป็นที่ทำการสถานกงสุลใหญ่และที่พักเจ้าหน้าที่กงสุลของทั้งสองประเทศด้วย
ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ