ความคืบหน้าการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙ ดังนี้
กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจาก สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอนว่าได้อำนวยความสะดวกแก่ บ. AstraZeneca ของสหราชอาณาจักร ซึ่งมีความร่วมมือกับ บ. สยามไบโอไซเอนซ์ ของไทยในการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙โดยเมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รับการประสานงานจาก บ. AstraZeneca ขอรับการอำนวยความสะดวกในการรับรองเอกสาร ซึ่งจะต้องใช้ประกอบเข้ากับหนังสือแสดงเจตจำนงความร่วมมือในการผลิตและจัดสรรวัคซีนวิจัยป้องกันโควิด-๑๙ เพื่อจัดทำความตกลงก่อนจะเข้าสู่การส่งมอบเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการผลิตวัคซีนให้ฝ่ายไทยได้ต่อไป โดยสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ดำเนินการโดยเร่งด่วนและ บ. AstraZeneca ได้ไปรับเอกสารในวันรุ่งขึ้น
สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้เร่งดำเนินการรับรองเอกสารด้วยความร่วมเร่งด่วนเพื่อให้กระบวนการการผลิตวัคซีนในไทยเกิดขึ้นได้โดยเร็วและมีอุปสรรคน้อยที่สุดเพื่อให้ไทยมีโอกาสได้รับวัคซีนเป็น ประเทศแรก ๆ เมื่อพร้อมใช้ ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ รายงานว่า การทดลองวัคซีนดังกล่าวโดย ม. ออกซฟอร์ดพบว่าได้ผลดีในผู้ทดลองทุกกลุ่มอายุ โดยผลการทดลองฉบับเต็มของวัคซีนน่าจะแล้วเสร็จก่อนสิ้นปีนี้ และหากผ่านการรับรองแล้วจะสามารถเริ่มผลิตจำนวนมากได้ต้นปีหน้าเป็นต้นไป
อนึ่ง เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๓ เอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย (โดยกระทรวงสาธารณสุข) บ. สยามไบโอไซเอนซ์ บ. เอสซีจี และ บ. AstraZeneca ในการผลิตและการจัดสรรวัคซีนวิจัยป้องกันโควิด-๑๙ แบบ AZD1222 ที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด สำหรับไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ โดยพิธีลงนามมีขึ้นที่กระทรวงสาธารณสุขในประเทศไทย โดยมีนาย James Teague ตำแหน่ง Country President ของ AstraZeneca (Thailand) ผู้แทนของ AstraZeneca เข้าร่วมการลงนามผ่านระบบออนไลน์จากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน
ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ