สรุปการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ วันพฤหัสบดีที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๔ เวลา ๑๑.๓๐ น.
ทาง Facebook Live กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศขอแสดงความยินดีกับ ๒ นักกีฬาที่คว้า ๓ เหรียญทองให้ไทย ได้แก่ กร พงศกร แปยอ ที่สามารถป้องกันแชมป์พร้อมทุบสถิติโลกในวีลแชร์เรซซิ่ง ๔๐๐ เมตรชาย คลาส T 53 และคว้าเหรียญเพิ่มจากวีลแชร์เรซซิ่ง ๑๐๐ เมตรชาย คลาส T53 และ ฟิว อธิวัฒน์ แพงเหนือ ที่คว้าเหรียญทองจาก วีลแชร์เรซซิ่ง ๑๐๐ เมตรชาย T54 กีฬาพาราลิมปิก โตเกียว ๒๐๒๐ คว้าเหรียญทองแรกให้ทัพกีฬาไทย รวมทั้งนักกีฬาท่านอื่นๆ ที่คว้าเหรียญเงินและทองแดงให้กับประเทศไทย รวม ๑๒ เหรียญแล้ว
๑. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหารือทางโทรศัพท์กับเลขาธิการอาเซียนเรื่องการให้ความช่วยเหลือเมียนมาด้านมนุษยธรรม และไทยจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมด้านเวชภัณฑ์แก่เมียนมาผ่านคลังเก็บสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยของอาเซียนในประเทศไทย
เมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๔ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้หารือทางโทรศัพท์กับ Dato? Lim Jock Hoi เลขาธิการอาเซียนในฐานะผู้ประสานงานของอาเซียนด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมาในกรอบอาเซียน
ไทย แสดงความพร้อมในการสนับสนุนภารกิจของเลขาธิการอาเซียน และศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติ (ASEAN Coordinating Centre for Humanitarian Assistance on Disaster Management หรือ AHA Centre) ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดซื้อสิ่งของสำหรับการให้ความช่วยเหลือแก่เมียนมา โดยทั้งสองฝ่ายเน้นย้ำถึงความสำคัญของความโปร่งใส และการเข้าถึงความช่วยเหลือฯ ของประชาชนอย่างทั่วถึง
เมื่อ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๔ กระทรวงการต่างประเทศ โดยกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ และ กรมอาเซียน ได้จัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่เมียนมา ผ่านคลังเก็บสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยของอาเซียนในประเทศไทย (Disaster Emergency Logistics System for ASEAN: DELSA) ที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดชัยนาท ประกอบด้วย เครื่องผลิตออกซิเจน เครื่องวัดออกซิเจน หน้ากากอนามัย ถุงมือยาง และถุงบรรจุศพ โดยขนส่งเข้าไปทางบกผ่านด่านแม่สอด จ.ตาก และล่าสุด ได้เดินทางถึงกรุงย่างกุ้งแล้วในวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๔
การดำเนินการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการให้ความช่วยเหลือของไทยในกรอบอาเซียน ตามฉันทามติ ๕ ข้อของผู้นำอาเซียน ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และมิตรประเทศที่ใกล้ชิดของไทยมากที่สุดประเทศหนึ่งแล้ว ยังจะมีส่วนช่วยควบคุมการระบาดของโควิด-๑๙ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภูมิภาคโดยรวม ทั้งนี้ คาดว่าความช่วยเหลือจากมิตรประเทศอื่น ๆ ในกรอบอาเซียนจะทยอยส่งถึงเมียนมาในช่วงเดือนกันยายน ๒๕๖๔
๒. ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการสัมมนา Trade and Development Regional Forum 2021 (วันที่ ๒๔ - ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๔)
กระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพร่วมกับสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (International Institute for Trade and Development: ITD) กระทรวงพาณิชย์ และการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) จัดสัมมนาวิชาการ Trade and Development Regional Forum 2021 ในโอกาสครบรอบ ๒๐ ปีแห่งการจัดตั้งสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา ในหัวข้อ ?Recharging Asia: Inclusive Growth and Sustainable Development amidst Post Pandemic World?
การสัมมนาครั้งนี้มี ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) และอดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) เข้าร่วมด้วย และมีนายธานี ทองภักดี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกล่าวต้อนรับในพิธีเปิดฯ โดยปลัดกระทรวงฯ เน้นย้ำความสำคัญของการฟื้นตัวจากโควิด-๑๙ อย่างยั่งยืนและครอบคลุมด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG ผ่าน การมีส่วนร่วมของภาคเอกชนทั้ง MSMEs และ start-up ในการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน การส่งเสริมความร่วมมือใต้-ใต้ ระหว่างประเทศกำลังพัฒนา และเหนือ-ใต้ ระหว่างประเทศกำลังพัฒนากับประเทศพัฒนาแล้ว และการแสวงหาความร่วมมือด้าน BCG ในระดับภูมิภาคผ่านการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยในปี ๒๕๖๕
๓. ผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมไทย - เนปาล ครั้งที่ ๕ (วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๔)
นายธานี ทองภักดี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และนายบาห์ราท ราช เปาเดียล (Bharat Raj Paudyal) ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเนปาล เป็นประธานร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมไทย - เนปาล ครั้งที่ ๕ ผ่านระบบการประชุมทางไกล
นายบาห์ราทฯ แสดงความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นแก่รัฐบาลเนปาล เพื่อนำไปใช้ในการรักษาเยียวยาผู้ป่วย และยับยั้งการแพร่ระบาดของของโควิด-๑๙ รวมทั้งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ที่ทรงร่วมโดยเสด็จพระราชกุศลพระราชทานชุดป้องกันส่วนบุคคลเพิ่มเติมแก่บุคลากรด้านสาธารณสุขเนปาล เมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔
นอกจากนี้ ฝ่ายเนปาลยังได้ขอบคุณรัฐบาลไทย องค์กรพุทธศาสนาและภาคเอกชนไทย สำหรับ ความช่วยเหลือในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ในเนปาล รวมถึงสภากาชาดไทยที่สนับสนุน การก่อสร้างอาคารศูนย์บริการโลหิตกลาง กรุงกาฐมาณฑุด้วย
ทั้งสองฝ่ายได้หารือโอกาสและลู่ทางการกระชับความร่วมมือในด้านต่าง ๆ อาทิ ความร่วมมือทางวิชาการ และการพัฒนา การค้าและการลงทุน การลดมาตรการกีดกันทางการค้าและส่งเสริมการลงทุนระหว่างกัน การศึกษา การท่องเที่ยว วัฒนธรรม ความเชื่อมโยงในระดับประชาชน ตลอดจนความร่วมมือในกรอบพหุภาคี
ฝ่ายไทยพร้อมที่จะให้การสนับสนุนเนปาลด้านความร่วมมือเพื่อการพัฒนา อย่างยั่งยืน ผ่านโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG Economy Model) โดยเฉพาะในสาขาการเกษตรและการท่องเที่ยว รวมถึงสานต่อโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลแม่และเด็กที่เมืองลุมพินี และการพัฒนาทรัพยากรบุคคลเนปาลผ่านการมอบทุนการศึกษาและการฝึกอบรม
๔. การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปค (APEC SOM) (ระหว่างวันที่ ๒ - ๓ กันยายน ๒๕๖๔)
นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ในฐานะเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปคของไทย เข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเขตเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ผ่านระบบการประชุมทางไกลเป็นครั้งที่ ๓ โดยนิวซีแลนด์เป็นเจ้าภาพ เพื่อขับเคลื่อนประเด็นที่เอเปคให้ความสำคัญ ได้แก่
การรับมือกับโควิด-๑๙ ผ่านความร่วมมือทางการค้าการลงทุน
การเดินทางข้ามพรมแดนที่ปลอดภัย (Safe Passage) เพื่อเร่งรัดฟื้นฟูเศรษฐกิจ
การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมส่งเสริมเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่น
โดยไทยได้นำเสนอแนวคิดเศรษฐกิจ BCG เป็นฟันเฟืองสำคัญไปสู่การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ (paradigm shift) ให้มนุษย์ดำเนินชีวิตอย่างสมดุล ยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นภายหลังโควิด-๑๙ โดย ไทยจะสานต่อประเด็นการพัฒนาที่ยั่งยืนและครอบคลุมด้วยแนวคิด BCG Economy ในการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทย ที่จะเริ่มตั้งแต่ปลายปี ๒๕๖๔ และตลอดปี ๒๕๖๕
๕. การจัดเตรียมโรงแรมกักกันตัวทางเลือกสำหรับแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากการทำงานในต่างประเทศ
กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ได้ออกประกาศของคณะทำงานอำนวยการจัดเตรียมสถานที่กักกันสำหรับแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากการทำงานจากต่างประเทศ ลงวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
แรงงานไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศสามารถเข้ากักกันตัวในโรงแรมสถานที่กักกันทางเลือก (Alternative Quarantine: AQ) ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน ๒๑ แห่ง (ข้อมูลเพิ่มเติมในพาวเวอร์พอยต์)
ซึ่งจำนวนโรงแรมนี้ จะมีการปรับรายชื่อเป็นระยะ ๆ
แรงงานไทยที่จะกลับจากต่างประเทศยื่นเอกสารอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ ประกอบการจองโรงแรม AQ ได้แก่
(๑) สำเนาแบบรายการการเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร (แบบ จง. ๑๒)
(๒) สำเนาหลักฐานรอยตราประทับของพนักงาน จนท. ประจำด่านตรวจคนหางานที่แสดงว่าแรงงานไทยนั้นได้แจ้งการเดินทางไปทางาน ตปท. ตาม พ.ร.บ. จัดหางานฯ
(๓) ในกรณีแรงงานไม่มีเอกสารตาม (๑) และ (๒) ให้แรงงานติดต่อขอรับหนังสือรับรองการเดินทางไปทำงานต่างประเทศจากสำนักงานแรงงานไทย (สนร.) สถานเอกอัครราชทูตฯ/สถานกงสุลใหญ่ที่ประจำในประเทศที่แรงงานอยู่
- โดยแรงงานจะสามารถเข้ากักกันตัวในห้องคู่ได้เฉพาะกรณีที่เดินทางมาจากประเทศเดียวกันและทำงานในสถานที่เดียวกัน และจะต้องลงนามยินยอมเข้าพักร่วม เมื่อเดินทางถึงโรงแรม AQ
กรมการจัดหางานมิได้ระบุในประกาศให้เฉพาะแรงงานไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศอย่างถูกกฎหมายเท่านั้น ที่มีสิทธิเข้าพักในโรงแรม AQ ซึ่งทำให้กลุ่มแรงงานผิดกฎหมาย และกลุ่มที่ไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ได้ใช้วีซ่าทำงานตั้งแต่ต้น แต่ได้รับสถานะแรงงานที่ถูกกฎหมายของประเทศปลายทางภายหลัง มีสิทธิกักตัวในโรงแรม AQ ตามประกาศฯ โดยขอให้ยื่นหนังสือรับรองการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศที่ออกโดย สนร. หรือสถานเอกอัครราชทูต/ สถานกงสุลใหญ่ เพื่อใช้เป็นเอกสารประกอบการสำรองโรงแรม AQ
เมื่อแรงงาน upload หลักฐานการจองโรงแรม AQ/บัตรโดยสารเครื่องบิน รวมทั้งกรอกข้อมูลต่าง ๆ ในระบบลงทะเบียน COE Online ครบถ้วนแล้ว สถานเอกอัครราชทูตฯ/
สถานกงสุลใหญ่ฯ จะพิจารณาอนุมัติ COE สำหรับการเดินทางเข้า ปทท. ตามแนวปฏิบัติปกติ
๖. สถานะการฉีดวัคซีนให้ชาวต่างชาติในไทยผ่านระบบ EXPATVAC
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ โดยกรมการกงสุล ได้เปิดให้ชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักในไทย ทุกกลุ่มอายุและทุกจังหวัด ลงทะเบียนเพื่อรับวัคซีนทางเว็บไซต์ consular.go.th ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๔ มีชาวต่างชาติลงทะเบียนเพื่อขอรับการฉีดวัคซีนแล้วจำนวน ๕๘,๕๐๕ คน แบ่งเป็นเป็นบุคคลอายุต่ำกว่า ๖๐ ปี ๔๖,๐๐๓ คน และบุคคลอายุ ๖๐ ปีขึ้นไป ๑๒,๕๐๒ คน โดยในจำนวนนี้เป็นสตรีมีครรภ์ ๒๗๕ คน และเป็นผู้มีโรคประจำตัว ๗ กลุ่มโรคเสี่ยง ๔,๑๘๙ คน (สถานะวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๔)
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดส่งรายชื่อชาวต่างชาติที่ลงทะเบียนสำเร็จให้แก่โรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวมแล้วทั้งสิ้น ๓๔,๑๕๕ คน ซึ่งโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศ ได้ดำเนินการนัดหมายฉีดวัคซีนแล้วอย่างต่อเนื่อง
สำหรับชาวต่างชาติที่อยู่ในจังหวัดต่าง ๆ ที่ลงทะเบียนสำเร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการนัดหมาย ขอให้มั่นใจว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โรงพยาบาลและสำนักงาน สธ. แต่ละจังหวัด อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อจัดสรรวัคซีน โดยลำดับการฉีดขึ้นอยู่กับเกณฑ์จัดกลุ่มลำดับความสำคัญเช่นเดียวกับคนไทย เช่น อายุ โรคประจำตัว หรือตั้งครรภ์
Status of vaccination for foreign residents in Thailand
Since 1 August 2021, Department of Consular Affairs, Ministry of Foreign Affairs, has launched a website consular.go.th for foreign residents of all age groups nationwide to register for the first dose of COVID-19. The accumulated number of foreign residents registered (as of 1 September 2021) is 58,505 persons, 46,003 of which are under 60 years old and 12,502 at 60 and over. Among those registered, 275 are pregnant women and 4,189 are in 7-disease health condition groups.
The Department of Disease Control, Ministry of Public Health, has sent the list of foreign nationals who registered for vaccination through the website to hospitals nationwide for vaccination appointments. As of now, the accumulated number of foreign nationals who are in the list is 34,155.
For those foreign nationals in Thailand who completed the registration and waiting for an appointment, I would like to ensure that the Ministry of Foreign Affairs, in coordination with the Ministry of Public Health and related agencies, will continue to expedite the vaccination appointment, in accordance with priority criterias which are same as those for Thai nationals.
๗. มาตรการการเดินทางระหว่างประเทศสำหรับคนไทยและมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-๑๙
ในประเทศต่าง ๆ (มาตรการของอิสราเอล ญี่ปุ่น และสิงคโปร์)
๗.๑ อิสราเอล
เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๔ อิสราเอลประกาศยกเว้นการกักตัวสำหรับผู้เดินทางเข้าอิสราเอล จากกลุ่มประเทศสีส้ม (รวมถึงไทย) สำหรับผู้ฉีดวัคซีนโควิด-๑๙ เข็มที่ ๓ แล้ว หรือฉีดวัคซีนเข็มที่ ๒ หรือหายจากการติดเชื้อ ในช่วง ๖ เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ หากยังฉีดวัคซีนไม่ครบยังคงต้องกักตัว ๗ วัน โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ ๓ กันยายน ๒๕๖๔ เป็นต้นไป มาตรการล่าสุดนี้ จะส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวจากอิสราเอล สามารถเดินทางไปยังประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมโครงการ Phuket Sandbox และ Samui Plus ได้เพิ่มมากขึ้น
๗.๒ ญี่ปุ่น
เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศรายชื่อประเทศ/พื้นที่ที่ผ่อนคลายมาตรการ เดินทางเข้าประเทศต่าง ๆ สำหรับผู้มี Vaccine Passport ของญี่ปุ่น จำนวน ๒๕ ประเทศ รวมถึง บางพื้นที่ของไทย ได้แก่ ภูเก็ต เกาะสมุย เกาะพงัน และเกาะเต่า ซึ่งทำให้เป็นโอกาสของนักท่องเที่ยว ชาวญี่ปุ่นที่จะเดินทางเข้าร่วมโครงการ Phuket Sandbox และ Samui plus มากยิ่งขึ้น
๗.๓ สิงคโปร์
เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๔ ทางการสิงคโปร์ได้ประกาศนโยบายเปิดประเทศอย่างเป็นขั้นตอนและระมัดระวัง โดยแบ่งประเทศต้นทางออกเป็น ๔ กลุ่ม ซึ่งจะดำเนินมาตรการคัดกรองเข้าสิงคโปร์ที่แตกต่างกัน โดยประเทศไทย ถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่ ๔ ซึ่งผู้เดินทางเข้าสิงคโปร์จากไทย ต้องเข้ารับการ กักตัวในสถานกักตัวของรัฐ ๑๔ วัน ทุกกรณี ผู้เดินทางระยะสั้นและระยะยาวจากทุกประเทศ ต้องเข้ารับการตรวจ PCR Swab test ที่สนามบินชางงี ทันทีที่เดินทางถึงสิงคโปร์
๘. หลักเกณฑ์กระทรวงสาธารณสุขในการออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) (Thailand Covid-19 Certificate of Vaccination)
ปัจจุบัน องค์การอนามัยโลก (WHO) กำลังอยู่ระหว่างการกำหนดหลักเกณฑ์มาตรฐานโลกในการทำ Vaccine Passport ซึ่งในระหว่างที่รอความคืบหน้าของการประกาศหลักเกณฑ์ของ WHO ไทยจะออก Covid-19 Certificate of Vaccination หรือ สมุดเล่มเหลือง สำหรับบุคคลที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-๑๙ เรียบร้อยตามที่กำหนดก่อน โดยต้องเป็นวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยาของราชอาณาจักรไทย หรือได้รับการรับรองจาก WHO เท่านั้น
กระทรวงสาธารณสุขได้ปรับปรุงแนวทางการตรวจเอกสารรับรองการสร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิด-๑๙ ฉบับวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๔ โดยแจ้งรายชื่อวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยาหรือได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกหรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ๗ รายการเพื่อรับรอง Certificate of Vaccination จากต่างประเทศให้เข้าไทยได้ ดังปรากฏตามภาพฉาย
กระทรวงสาธารณสุขจะออกเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบตามกำหนด ดังนี้
หลังจากได้รับวัคซีนครบแล้ว หน่วยบริการฉีดวัคซีนจะออกหลักฐานยืนยันความครบถ้วนของการได้รับวัคซีน ซึ่งสามารถพิมพ์ออกมาเป็นหลักฐานได้ รวมทั้งเก็บหลักฐานในรูปแบบ QR Code หรือรูปภาพ
เอกสารรับรองการได้รับวัคซีนโควิด-๑๙ จะประกอบด้วยข้อมูลผู้รับบริการ และประวัติการได้รับวัคซีน
สำหรับผู้เดินทางไปต่างประเทศ หากต้องการขอรับหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคฯ หรือ Covid-19 Certificate of Vaccination หรือ ?สมุดเล่มเหลือง? เพื่อใช้สำหรับการเดินทางระหว่างประเทศจะต้องนำเอกสารรับรองการฉีดข้างต้น พร้อมเอกสารประกอบ ได้แก่ หนังสือเดินทาง หลักฐานการเดินทาง อาทิ ตั๋วเครื่องบิน
ผู้ได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้วสามารถขอรับ ?สมุดเล่มเหลือง?ได้ที่
(๑) ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
(๒) คลินิคเวชศาสตร์การเดินทางและการท่องเที่ยว สถาบันบำราศนราดูร
(๓) สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.)
ทั้งนี้ สามารถติดต่อสอบถามทางโทรศัพท์และอีเมล์ในภาพฉายและนัดหมายออนไลน์ที่เว็ปไซต์ http://vacn.ddc.moph.go.th สำหรับสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.)
Ministry of Public Health?s regulation for issuing Thailand Covid-19 Certificate of Vaccination
The Department of Disease Control has issued the "COVID-19 CERTIFICATE OF VACCINATION," as published in the Royal Gazette. In this document, there are details of the immunization certificate for international travel. Ministry of Public Health also updated on 3 September 2021, a list of vaccinations and their doses required for certificate of vaccination.
Here is the information about the required documents and contact offices for those who would like to apply for an international vaccination certificate. Thai nationals and foreign nationals can apply to the certificate.
Required documents are as follows:
Vaccination certificate (for two doses) from a hospital
Passport
Travel documents such as air tickets
The fee is 50 Baht
Offices issuing the certificate:
International Communicable Disease Control Port, Suvarnabhumi Airport
Travel Clinic, Bamrasnaradura Infectious Disease Institute
Urban Institute for Disease Prevention and Control.
For more information, please call 02-5903430 for Travel Clinic Bamrasnaradura Infectious Disease Institute. For Urban Institute for Disease Prevention and Control, please call 02-5210943-5 and online appointment is available on the website http://vacn.ddc.moph.go.th.
๙. ประชาสัมพันธ์
๙.๑ การให้บริการของกรมการกงสุลภายหลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-๑๙ (๑ ก.ย.๖๔)
กรมการกงสุลขอประกาศปรับเปลี่ยนการให้บริการดังนี้
บริการทำหนังสือเดินทาง สามารถนัดหมายล่วงหน้าเพื่อเข้ารับบริการที่กรมการกงสุล
ถนนแจ้งวัฒนะ ผ่านระบบออนไลน์ที่ qpassport.in.th
บริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหนังสือเดินทาง
อาทิ การคัดประวัติหรือขอแก้ไขหนังสือเดินทาง สามารถนัดหมายเข้ารับบริการที่อีเมล bookingthailand@gmail.com
และสามารถนัดหมายเข้ารับบริการตรวจสอบประวัติ ที่อีเมล thaipass@mfa.mail.go.th หรือหมายเลขโทรศัพท์ ๐๒ ๙๘๑ ๗๒๗๒ หรือ ๐๒ ๕๗๕ ๑๐๓๑
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๐ ๙๑๓ ๒๒๗๘ และ ๐๙๓ ๐๑๐ ๕๒๔๘ ระหว่างวันจันทร์-ศุกร์ เวลา ๐๙.๐๐-๑๒.๐๐ น. และ ๑๓.๐๐-๑๕.๐๐ น.
บริการรับรองเอกสาร สามารถกรอกแบบฟอร์มออนไลน์เพื่อเข้ารับบริการรับรองเอกสารที่กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ ตาม QR Code ที่ปรากฎบนภาพฉาย โดยเจ้าหน้าที่จะแจ้งผลการพิจารณาทางอีเมลและ นัดหมายวันเวลาที่จะเข้ารับบริการต่อไป สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ ๐๒ ๕๗๕ ๑๐๕๕ และ ๐๒ ๕๗๕ ๑๐๕๘ ระหว่างวันจันทร์-ศุกร์ เวลา ๐๙.๐๐-๑๒.๐๐ น. และ ๑๓.๐๐-๑๕.๐๐ น.
สำนักงานหนังสือเดินทางฯ ในกรุงเทพและปริมณฑล ยังคงปิดให้บริการ ขณะที่สำนักงานหนังสือเดินทางฯ ในส่วนภูมิภาค มีวันเวลาทำการปรากฎดังภาพฉาย โปรดตรวจสอบวันเวลาการเปิดให้บริการของสำนักงานหนังสือเดินทางฯ ทั่วประเทศก่อนเข้ารับบริการ เพื่อความสะดวกของท่าน
๙.๒ กิจกรรมการเสวนาออนไลน์ ?New Normal: New Coolture ? Bridging the Gap?
วันพุธที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๔ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. กรมสารนิเทศ ขอเชิญเข้าร่วมกิจกรรมการเสวนาออนไลน์ ?New Normal: New Coolture ? Bridging the Gap? ซึ่งจัดเป็นครั้งที่ ๓ โดย จะเป็นการเสวนาของวิทยากรที่มาจากหลายกลุ่มอายุ มีประสบการณ์ด้านการสื่อสาร มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับบทบาทของเทคโนโลยีจากมุมมองที่หลากหลาย และวิธีการนำเสนอข้อมูลท่ามกลางความแตกต่างของคนหลายรุ่น
ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ตาม QR Code ที่ปรากฎบนภาพฉาย (https://bit.ly/3D9SkTG) โดยลงทะเบียนได้ถึงวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๔
๙.๓ การเปิดตัว DLA Magazine (Special Issue)
กรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ เปิดตัวนิตยสารออนไลน์ DLA Magazine ฉบับที่ ๒ Special Issue
เพื่อพาผู้อ่านเข้าถึงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับศักยภาพและโอกาสใหม่ ๆ สำหรับการทำการค้าการลงทุนกับภูมิภาคลาตินอเมริกาและแคริบเบียน โดยภายในเล่มประกอบด้วยข้อมูลเชิงลึกผลการสัมมนาโอกาสการค้าการลงทุนในประเทศลาตินอเมริกา บทความเกี่ยวกับมุมมองวิถีใหม่เชื่อมไทย-ลาตินด้วยเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พร้อมภาพแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและเรื่องเล่าที่น่าสนใจเกี่ยวกับแหล่งมรดกโลกใน กัวเตมาลา ชิลีและเปรู
สามารถดาวน์โหลด DLA Magazine ฉบับที่ ๒ ได้ทางแอปพลิเคชัน Discover Latin America จาก App Store และ Google Play Store หรือทางเว็บไซต์ net
๙.๔ รายการ Spokesman Live!!!
ในวันศุกร์ที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๔ เวลา ๑๕.๓๐ - ๑๖.๐๐ น. ติดตามรายการ คุยรอบโลกกับโฆษก กต. - Spokesman Live!!! จะสัมภาษณ์นางอรุณรุ่ง โพธิ์ทอง ฮัมฟรีย์ส เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง หัวข้อ ?ความร่วมมือในกรอบลุ่มน้ำโขง: โอกาสและความท้าทายของไทย? สามารถติดตามชมได้ที่ Facebook ?กระทรวงการต่างประเทศ? และ ?Saranrom Radio?
๙.๕ รายการบันทึกสถานการณ์ และ MFA Update
วันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๔) เวลา ๐๘.๓๐ - ๐๘.๔๕ น. รายการ ?บันทึกสถานการณ์? ทาง FM 92.5 (ภาษาไทย) ได้สัมภาษณ์นางจุฬามณี ชาติสุวรรณ อธิบดีกรมยุโรป หัวข้อ ?กระทรวงการต่างประเทศกับการจัดหาวัคซีนโควิด-๑๙? สามารถรับฟังย้อนหลังได้ที่ Facebook ?สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย?
วันศุกร์ที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๔ เวลา ๐๘.๐๕ รายการ ?MFA Update? FM 88.0 (ภาษาอังกฤษ) จะสัมภาษณ์นายรุจ ธรรมมงคล เอกอัครราชทูต ณ คูเวต หัวข้อ ?Kuwait Upbeat? เกี่ยวกับ การยกระดับการค้าการลงทุนของไทยในคูเวต และการให้ความช่วยเหลือคนไทยในคูเวตที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-๑๙ สามารถรับฟังย้อนหลังได้ทาง Facebook ?FM 88 Radio Thailand English?
๙.๖ การแข่งขันโต้วาทีภาษาอังกฤษ โดยกระทรวงการต่างประเทศ และสถาบัน Point Avenue
วันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๔ เวลา ๑๗.๐๐ ? ๑๘.๓๐ น. กรมสารนิเทศ ร่วมกับสถาบันการศึกษา Point Avenue จะจัดการแข่งขันโต้วาทีภาษาอังกฤษ รอบชิงชนะเลิศ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายทั่วประเทศไทย ผ่านทาง Facebook Live โดยการแข่งขันโต้วาทีในครั้งนี้มีผู้สมัครทั้งหมด ๒๕ ทีม ทีมละ ๓ คน จาก ๑๔ โรงเรียนทั่วประเทศ และจะมีการแข่งขันในรอบคัดเลือกในระหว่าง วันเสาร์-อาทิตย์ที่ ๔-๕ กันยายน ๒๕๖๔ เพื่อหาทีมผู้ชนะ ๒ ทีม เข้ารอบชิงชนะเลิศ
การจัดการแข่งขันโต้วาทีภาษาอังกฤษในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อฝึกอบรมทักษะการโต้วาทีให้กับผู้เข้าแข่งขันโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการโต้วาทีที่มีประสบการณ์ในระดับสากล และได้จัดการแข่งขันโต้วาทีภายใต้หัวข้อที่หลากหลายเพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ให้กับผู้เข้าแข่งขัน อาทิ สิ่งแวดล้อม เศรษฐิจ การท่องเที่ยว การต่างประเทศ การจ้างงาน และสื่อสังคมออนไลน์ โดยผู้สนใจสามารถรับชมได้ที่เฟสบุ๊ก ?กระทรวงการต่างประเทศ?
รับชมย้อนหลังได้ทาง>>>https://www.facebook.com/ThaiMFA/videos/367770581638749
ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ