สรุปการแถลงข่าวประจำสัปดาห์
วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๑.๐๐ น.
ทาง Facebook Live กระทรวงการต่างประเทศ
วานนี้ วันที่ ๑๓ ตุลาคม เป็นวันคล้ายวันสรรคตของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๙ และ ๒๓ ตุลาคม ที่จะถึงนี้เป็นวันปิยมหาราช กระทรวงการต่างประเทศน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณบูรพกษัตริย์และราชวงศ์จักรีสร้างคุณูปการแก่ปวงชนชาวไทย
ขอร่วมเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวไทยในการแก้ไขสถานการณ์โควิด-๑๙ และการรับมือกับภัยธรรมชาติน้ำท่วม และขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา
๑. กระทรวงการต่างประเทศจัดทำสารคดีเฉลิมพระเกียรติเรื่อง "มรดกชาติ เพื่อประชาราษฎร์"
กระทรวงการต่างประเทศ ได้จัดทำสารคดีเฉลิมพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์สองภาษา ชื่อว่า "มรดกชาติ เพื่อประชาราษฎร์" หรือ ?A Legacy for the People? โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเทิดพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์ มีเนื้อหาเกี่ยวกับความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อสังคมไทยในทุกมิติ ตลอดจนความผูกพันระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชนชาวไทยที่มีมาอย่างยาวนาน โดยเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะพระราชปณิธานในการสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชกรณียกิจในด้านการพัฒนา การบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาชนชาวไทย
ขอเชิญชวนท่านติดตามสารคดีนี้ได้ที่ mfa.go.th และ youtube.com/user/mfathailand
๒. นโยบายเปิดประเทศของรัฐบาล
เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ นายกรัฐมนตรีได้ออกแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ ยืนยันโยบาย ?เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ โดยไม่ต้องกักตัว? ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ที่เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน เป็นต้นไป ประเทศไทยจะเริ่มเปิดรับการเดินทางเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และเดินทางเข้าประเทศไทยโดยทางอากาศจากประเทศที่กำหนดว่าเป็นประเทศความเสี่ยงต่ำ
เมื่อเดินทางเข้าประเทศไทย ผู้เดินทางต้องมีหลักฐานผลการตรวจหาเชื้อโควิด-๑๙ เป็นลบ ด้วยวิธี RT-PCR ซึ่งทำการตรวจก่อนเดินทางออกจากประเทศต้นทาง และจะมีการตรวจหาเชื้อโควิด-๑๙ อีกครั้ง เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย หลังจากนั้น จึงสามารถเดินทางไปพื้นที่ต่าง ๆ ได้
สำหรับรายชื่อประเทศความเสี่ยงต่ำที่จะสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องกักตัว จะมีอย่างน้อยประมาณ ๑๐ ประเทศ อาทิ สหราชอาณาจักร สิงคโปร์ เยอรมนี จีน และสหรัฐฯ โดยตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนประเทศให้มากขึ้นอีกภายในวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ และวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๕ ตามลำดับ ทั้งนี้ จะมีการแจ้งรายชื่อล่าสุดต่อไปหลังจากที่มีการพิจารณาโดย ศบค. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในบ่ายวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๔
ผู้ที่เดินทางจากประเทศที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อประเทศความเสี่ยงต่ำ ก็สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ แต่จำเป็นต้องมีการกักตัวตามเงื่อนไขและข้อกำหนดต่อไป
สำหรับแนวปฏิบัติอย่างเป็นทางการและรายละเอียดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จะมีการประกาศจาก ศบค. ต่อไป ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมที่จะอำนวยความสะดวกและให้ความช่วยเหลือแก่ชาวไทยและต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศไทยอย่างเต็มที่ ดังเช่นที่เคยปฏิบัติมาโดยตลอด
Opening Policy of Thailand
For the opening of Thailand policy, on 11 October 2021, Prime Minister Prayut
Chan-o-Cha gave the national address ?THAILAND WILL WELCOME VISITORS/TRAVELERS WITHOUT QUARANTINE?, announcing that Thailand will allow fully vaccinated travelers from low-risk countries to enter Thailand from 1 November of this year as a key effort by the government to boost the economy, key points as follows:
Thailand will reopen to fully vaccinated travelers, from low-risk countries and traveling by air, without quarantine from 1 November 2021.
International travelers are required to show that they are Covid-free at their time of travel with an RT-PCR test undertaken before their departure, and then have another test in Thailand. If results are all negative, they will be allowed to travel to other parts of the country.
There will be at least ten "low risk" countries, for example; the US, Germany, China, Singapore, and the UK. More countries will be added to the "low risk" list on 1 December 2021 and 1 January 2022. Tourists from outside these ?low risk? countries will be required to undergo quarantine.
Further details and regulations will be discussed and officially announced upon approval by the Centre for Covid-19 Situation Administration (CCSA). The Ministry of Foreign Affairs stands ready to facilitate and assist Thai and foreign nationals who wish to visit Thailand. We will keep you posted on further announcements.
๒.๑ ระบบ Thailand Pass
ตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๕๖๓ กระทรวงการต่างประเทศอนุมัติ Certificate of Entry (COE) สำหรับคนไทยและคนต่างชาติเพื่อเดินทางเข้ามาประเทศไทยมากกว่า ๔ แสนฉบับ และอยู่ระหว่างร่วมกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.) เพื่อพัฒนาระบบ Thailand Pass ซึ่งเป็นระบบ web-based ให้ผู้เดินทางทั้งคนไทยและต่างชาติเข้าไปลงทะเบียน กรอกข้อมูลและอัปโหลดเอกสารต่าง ๆ ก่อนเดินทางเข้าประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนนโยบายอำนวยความสะดวกการเดินทาง Ease of Traveling หลังการเปิดประเทศ โดยจะทดแทนการออกเอกสาร COE ลดขั้นตอนการกรอก/อัพโหลดเอกสารของผู้เดินทางก่อนเข้าประเทศไทย รวมถึงการกรอกข้อมูลผ่าน ต.๘ (แบบสำรวจด้านสุขภาพ) และ ตม. ๖ (แบบเข้า-ออกราชอาณาจักร) ใน Thailand Pass อีกด้วย
ในเรื่องเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน (Vaccination Certification) กรมควบคุมโรคจะเป็นผู้อนุมัติผ่านระบบ Thailand Pass โดยขณะนี้ไทยได้รับ Public Key Infrastructure (PKI) ของ vaccine certificate หรือระบบรหัสสาธารณะสำหรับใบรับรองวัคซีน จากประมาณ ๓๐ ประเทศ เพื่อใช้เตรียมการสำหรับการตรวจสอบแล้ว ส่วนประเทศที่ไทยยังไม่ได้รับ PKI ยังคงตรวจสอบเอกสารรายบุคคลต่อไป
คาดว่าระบบดังกล่าวจะใช้งานได้ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ทดแทนระบบ COE อย่างไรก็ดี ในช่วงแรก ระบบ COE จะยังคงใช้อยู่สำหรับบางกลุ่ม อาทิ กลุ่มผู้เดินทางมารักษาพยาบาล ที่ต้องได้รับการอนุมัติล่วงหน้าเพื่อเตรียมการในรักษาพยาบาล ผู้เดินทางผ่านชายแดนทางบก และผู้ที่เดินทางเข้ามาเป็นหมู่คณะเช่นผู้เดินทางเข้ามาด้วยเรือสำราญ เป็นต้น
กระทรวงการต่างประเทศจะแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมในโอกาสต่อไป
Thailand Pass System
Since April 2020, the Ministry of Foreign Affairs has been approved more than 400,000 Certificates of Entry (COE) to Thai and foreign nationals for international travel. The Ministry has also been cooperating with the Digital Government Development Agency (DGA) to develop the ?Thailand Pass? system, the web-based system for Thai and foreign travelers to fill in their travel and health information and upload related documents before traveling.
The purpose of the system is to support ?Ease of Traveling? policy which will be implemented after the reopening of the country. This system could replace the issuance of COE and shorten the process of filing information and uploading travelers? documents before visiting Thailand.
Regarding the vaccination certification, the Department of Disease Control (DDC) will be responsible for giving an approval through back office system. As of now, Thailand received the public key infrastructure (PKI) of vaccine certificate from over 30 countries and has been preparing for the examination procedure. For travelers from other countries that have not been recognized in the above-mentioned countries, DDC needs to continue using manual examination.
Travelers also can fill in their information of T8 Form Health Questionnaire and TM6 Immigration Form through Thailand Pass system.
Thailand Pass system will be ready to operate and replace the COE system approximately on 1 November 2021. However, the COE will continue to be used for certain groups of travelers such as patients who need to stay in Alternative Hospital Quarantine (AHQ) which need to be approved in advance for preparation, travelers who cross land border and travelers who travel as a group or by yachts and cruise ships.
If there are any further details on this matter, the Ministry will inform further.
๓. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถ้อยแถลงในพิธีเปิดตัวตราสัญลักษณ์เฉลิมฉลองครบรอบ ๗๐ ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ปากีสถาน
เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๔ กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการต่างประเทศปากีสถานได้ร่วมจัดพิธีเปิดตัวตราสัญลักษณ์ในโอกาสครบรอบ ๗๐ ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ฯ ซึ่งครบรอบ ๗๐ ปี ในวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔ ในรูปแบบออนไลน์
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายชาห์ มะห์มูด กุเรชี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศปากีสถาน ได้ร่วมกล่าวถ้อยแถลงเพื่อแสดงความยินดีในโอกาสครบรอบ ๗๐ ปีความสัมพันธ์ โดยรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายได้ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่มีความใกล้ชิด และย้ำความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้มีความใกล้ชิดยิ่งขึ้นไป
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศชื่นชมทั้งสองฝ่ายในการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองระหว่างกันตลอดปี ๒๕๖๔ เช่น การจัดสัมมนาโอกาสการลงทุนในปากีสถาน (จัดโดยกระทรวงพาณิชย์เมื่อเดือน ก.ค. ๒๕๖๔) การจัดทำแสตมป์ที่ระลึกของทั้งสองฝ่าย และไทยจะจัดงานนิทรรศการวัฒนธรรมคันธาระที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ในโอกาสต่อไป
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงความใกล้ชิดระหว่างประชาชนของทั้งสองฝ่าย โดยมีชาวปากีสถานอยู่ในประเทศไทยกว่า ๒๕๐,๐๐๐ คน และมีคนไทยในปากีสถานประมาณ ๒,๕๐๐ คน รวมถึงนักศึกษาไทยที่ศึกษาในปากีสถานจำนวนพอสมควร
๔. สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน จัดทำสารคดี ?สนองพระราชดำริรวมจิตอาสาไทยในสหราชอาณาจักร?
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน ได้จัดทำสารคดี ?สนองพระราชดำริรวมจิตอาสาไทยในสหราชอาณาจักร? สะท้อนเรื่องราวของพลังจิตอาสาของคนไทยในสหราชอาณาจักรที่ร่วมแรงร่วมใจด้วยจิตสาธารณะเพื่อบำเพ็ญประโยชน์ให้กับคนไทยในประเทศไทย ใน ?งานวิ่งการกุศลสนองพระราชดำริรวมจิตอาสาไทยในสหราชอาณาจักร? ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ พร้อมด้วยทีมประเทศไทยประจำกรุงลอนดอน และหุ้นส่วนโครงการฯ จัดร่วมกับองค์กร Safe Child Thailand ในงาน Richmond Runfest ณ Kew Gardens กรุงลอนดอน เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๔
กิจกรรมในครั้งนี้ สามารถระดมทุนให้กับโครงการเพื่อเด็กพิการและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙ ในประเทศไทยของ Safe Child Thailand กว่า ๑๕,๐๐๐ ปอนด์ เป็นความสำเร็จที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ร่วมกับชุมชนไทยในต่างประเทศ แสดงพลังความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทำความดีด้วยหัวใจตามแนวพระราชดำริ ?จิตอาสา? ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ผู้สนใจสามารถติดตามชมได้ทาง Youtube สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน (RTE London Official Channel)
๕. การเปิดให้บริการระบบตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้แผ่นปะตรวจลงตรา (stickerless e-Visa)
ตั้งแต่วันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๔ เป็นต้นมา กระทรวงการต่างประเทศเปิดให้บริการระบบลงตราอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้แผ่นปะตรวจลงตรา หรือ Stickerless e-Visa สำหรับสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ทั้ง ๒๑ แห่ง ใน ๙ ประเทศ ได้แก่ จีน ฝรั่งเศส อังกฤษ สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ แคนาดา นอร์เวย์ สวีเดน และเดนมาร์ก
ชาวต่างชาติในประเทศข้างต้น สามารถยื่นขอรับการตรวจลงตรา ชำระค่าธรรมเนียม และรับการตรวจลงตรา ผ่านทางเว็บไซต์ www.thaievisa.go.th โดยไม่ต้องเดินทางมาที่ สอท./สกญ. เพื่อขอรับการติดแผ่นปะตรวจลงตรา แต่จะได้รับอีเมลเพื่อใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงการตรวจลงตรา ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศจะขยายการบริการให้ครอบคลุมการให้บริการในทุกประเทศในโอกาสต่อไป
The launching of a new Stickerless Electronic Visa service
We are pleased to announce the new stickerless Electronic Visa Service. Since 27 September 2021, Ministry of Foreign Affairs has launched a new Stickerless Electronic Visa service (SE Visa Service) in 21 Thai Embassies and Consulates-General in 9 countries, namely Canada, China, Denmark, France, the Republic of Korea, Norway, Sweden, the United Kingdom and the United States.
SE Visa applicants can submit their applications, pay visa fees, and receive their stickerless e-visas through the website: www.thaievisa.go.th, without visiting the Embassies or Consulate-General Offices. They will receive confirmation through email as evidence of their visa approval. The service will be made available in more countries around the world in the near future. Information on the visa will be linked to immigration system upon your arrival. This is to enhance our E-Consular services.
๖. มาตรการการเดินทางระหว่างประเทศสำหรับคนไทยและมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-๑๙ ในต่างประเทศ (สหราชอาณาจักร)
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน ได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนและมาตรการในการเดินทางเข้าสหราชอาณาจักรจากประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ซึ่งทางการ สหราชอาณาจักรถอดชื่อประเทศไทยออกจาก Red List โดยในการเดินทางเข้าสหราชอาณาจักรจากประเทศไทยมีแนวปฏิบัติ ดังนี้
๑. การเตรียมตัวก่อนเดินทางจากประเทศไทยเข้าสหราชอาณาจักร
ตรวจสอบวีซ่าให้เรียบร้อย และเตรียม Vaccine Passport หรือ เอกสารยืนยันการฉีดวัคซีนของทางราชการ
สำรองการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ และชำระค่าตรวจล่วงหน้าให้เรียบร้อยก่อนเดินทางเข้าสหราชอาณาจักร โดยสามารถดูรายละเอียดได้ที่ gov.uk/find-travel-test-provider (ต้องจองก่อนออกเดินทาง เนื่องจากต้องระบุเลขที่อ้างอิงการจองใน Passenger Locator Form)
กรอก Passenger Locator Form ภายใน ๔๘ ชั่วโมง ก่อนเดินทางออกจากประเทศไทย ที่ gov.uk/provide-journey-contact-details-before-travel-uk
กรณีผู้เดินทางเป็นผู้รับวัคซีนไม่ครบโดส หรือยังไม่ได้รับวัคซีน ขอให้ผู้เดินทางตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT-PCR ภายใน ๗๒ ชั่วโมงก่อนเดินทางไปสหราชอาณาจักร
๒. มาตรการกักตัวเมื่อเดินทางถึงสหราชอาณาจักรจากประเทศไทย แบ่งออกได้เป็น ๒ กลุ่ม ได้แก่
๒.๑ ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วอย่างน้อย ๑๔ วันก่อนเดินทาง (สามารถเดินทางได้ในวันที่ ๑๕) โดยต้องเป็นวัคซีนที่สหราชอาณาจักรให้การรับรอง ๔ ชนิด คือ (๑) Oxford/Astra Zeneca (รวมถึง AstraZeneca ที่ผลิตโดย Siam Bioscience) (๒) Pfizer BioNTech (๓) Moderna (๔) Johnson & Johnson (J&J) ไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางถึง ทั้งนี้ จะต้องจองการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ในวันที่ ๒ ที่เดินทางถึงสหราชอาณาจักร
ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรให้การรับรองการฉีดวัคซีนแบบผสม เฉพาะการฉีดผสมกันระหว่างวัคซีน ๔ ชนิดข้างต้นเท่านั้น เช่น Moderna + AstraZeneca ถือว่าฉีดครบโดส เป็นต้น ๒.๒ ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือ ได้รับไม่ครบโดส หรือ ได้รับวัคซีนชนิดที่ไม่ได้รับการรองรับจากทางการสหราชอาณาจักร ตามข้อ ๒ ต้องกักตัวในที่พัก อาทิ บ้านพัก หอพักนักศึกษา หรือโรงแรมที่จองไว้ด้วยตนเองเป็นเวลา ๑๐ วันและ จองการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ในวันที่ ๒ และ ๘ ที่เดินทางถึงสหราชอาณาจักร
ค้นหารายละเอียดและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน
๗. องค์การอนามัยโลกรับรองวัคซีน AstraZeneca ที่ผลิตโดย Siam Bioscience
เมื่อวันที่ ๑๑ ต.ค. ๒๕๖๔ องค์การอนามัยโลก (World Health Organization-WHO) ได้มีหนังสือเวียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งว่า บริษัท Siam Bioscience ได้รับการเพิ่มเป็นอีกหนึ่งฐานการผลิตวัคซีนโควิด-๑๙ AstraZeneca ที่ได้รับการอนุมัติโดย WHO ให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน (Emergency Use Listing-EUL) โดยได้มีการพิจารณาจากข้อมูลตามข้อกำหนดของ WHO แล้ว
จากการตรวจสอบเว็บไซต์ของ WHO เกี่ยวกับรายชื่อฐานการผลิตวัคซีนโควิด-๑๙ ที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ฉุกเฉิน สถานะล่าสุด ณ วันที่ ๒๙ ก.ย. ๒๕๖๔ ปรากฏชื่อประเทศไทย เป็นแหล่งผลิตวัคซีน AstraZeneca ซึ่งมีการสรุปการประเมินผล (status of assessment) เรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าจะมีการปรับวันพิจารณาตัดสิน (date of decision) ให้สะท้อนความเป็นปัจจุบันต่อไป
๘. การฉีดวัคซีนโควิด-๑๙ ให้ชาวต่างชาติในไทย
กระทรวงการต่างประเทศ โดยกรมการกงสุล ได้เปิดให้ชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักในไทย ทุกกลุ่มอายุและทุกจังหวัด ลงทะเบียนเพื่อรับวัคซีนทางเว็บไซต์ expatvac.consular.go.th ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๔
มีชาวต่างชาติลงทะเบียนเพื่อขอรับการฉีดวัคซีนแล้วจำนวน ๖๙,๔๔๑ คน (สถานะวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๔) แบ่งเป็น
บุคคลอายุต่ำกว่า ๖๐ ปี ๕๕,๕๖๐ คน และ
บุคคลอายุ ๖๐ ปีขึ้นไป ๑๓,๘๘๑ คน
สตรีมีครรภ์ ๓๓๗ คน
ผู้มีโรคประจำตัว ๗ กลุ่มโรคเสี่ยง ๔,๖๒๘ คน
ตามระบบ Expactvac มีชาวต่างชาติที่ได้รับนัดหมายฉีดวัคซีนแล้ว ๔๗,๗๙๔ คน
ในภาพรวม ทั้งระบบ Expatvac ระบบของกระทรวงสาธารณสุข และระบบอื่น มีชาวต่างชาติฉีดวัคซีนรวมแล้ว ๑,๐๐๘,๒๗๖ คน (สถานะ ๑๐ ต.ค. ๒๕๖๔)
Status of vaccination for foreign residents in Thailand
Since 1 August 2021, Department of Consular Affairs, Ministry of Foreign Affairs, has launched a website expatvac.consular.go.th for foreign residents of all age groups nationwide to register for the first dose of COVID-19. The accumulated number of foreign residents registered (as of 12 October 2021) is 69,441 persons,
55,560 of which are under 60 years old
13,881 at 60 and over.
337 are pregnant women
4,628 are in 7-disease health condition groups.
The appointment for vaccination has been made for 47,794 expats who have registered through Expatvac.
Overall, 1,008,726 foreign nationals through Expatvac and other schemes have been vaccinated in Thailand.
๙. เกาหลีใต้บริจาควัคซีนให้แก่ประเทศไทย
เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๔ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ได้เดินทางไปรับมอบวัคซีน AstraZeneca จำนวน ๔๗๐,๐๐๐ โดสที่รัฐบาลเกาหลีใต้บริจาคให้แก่ไทย และในโอกาสดังกล่าว เอกอัครราชทูตฯ ได้ลงนามในใบรับรองการส่งมอบวัคซีนร่วมกับนาย Kim Minsoo รองผู้อำนวยการ Korea Disease Control and Prevention Agency (KDCA) โดยวัคซีนดังกล่าวได้เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้วในช่วงเช้าวานนี้ (๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๔)
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ได้รับงานประสานเป็นการภายในจากฝ่ายเกาหลีใต้ว่า เกาหลีใต้ยังมีความประสงค์ที่จะบริจาควัคซีนให้แก่ไทยเพิ่มเติม โดยจะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยต่อไปด้วย
๑๐. ประชาสัมพันธ์
๑๐.๑ การถ่ายทอดสดงานกิจกรรมประชุมวิชาการ The Need for an International Pandemic Treaty? วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๔ ทาง Youtube MFA Thailand
กระทรวงการต่างประเทศ จะจัดการประชุมทางวิชาการ The Need for an International Pandemic Treaty? ผู้หัวข้อการอภิปรายจะกล่าวถึงความจำเป็นของการจัดทำความตกลงระหว่างเพื่อเตรียมพร้อมระบบสาธารณสุขและการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ในครั้งต่อ ๆ ไป กระบวนการจัดทำและเนื้อหาของความตกลง รวมถึงความเชื่อมโยงในการทำงานระหว่างองค์การต่างๆ เพื่อรับมือกับโรคระบาดใหญ่
ผู้เชี่ยวชาญที่เข้าร่วมประกอบด้วย นางวิลาวรรณ มังคละธนะกุล อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ผู้สมัครตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมาธิการกฎหมายระหว่างประเทศ (International Law Commission-ILC) ของไทย องค์การระหว่างประเทศและสถาบันการศึกษา อาทิ องค์การอนามัยโลก (WHO) เซาทธ์ เซ็นเตอร์ (South Centre) สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC) รวมถึง อาจารย์จากสถาบันบัณฑิต (Graduate Institute) เจนีวา ปลัดกระทรวงการต่างประเทศและเลขาธิการ IFRC จะกล่าวถ้อยแถลงช่วงเปิดงานอีกด้วย
ติดตามการประชุมครั้งนี้ ได้ผ่าน Youtube MFA Thailand ของกระทรวงการต่างประเทศ ในวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๔ เวลา ๒๐.๐๐-๒๑.๓๐ น.
๑๐.๒ รายการ Spokesman Live!!!
ในวันศุกร์ที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๖.๓๐ - ๑๗.๐๐ น. ขอเชิญติดตามรายการ คุยรอบโลกกับโฆษก กต. - Spokesman Live!!! จะสัมภาษณ์นายมาณพ เสงี่ยมบุตร รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หัวข้อ ?การปฏิวัติวงการของธนาคารไทยพาณิชย์: SCB สู่ SCBX: จากธนาคารสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยีการเงินรายใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน? สามารถติดตามชมได้ที่ Facebook ?กระทรวงการต่างประเทศ? และ ?Saranrom Radio?
๑๐.๓ รายการบันทึกสถานการณ์ และ MFA Update
วันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๔) เวลา ๐๘.๓๐ - ๐๘.๔๕ น. รายการ ?บันทึกสถานการณ์? ทาง FM 92.5 (ภาษาไทย) ได้สัมภาษณ์นายทรงศัก สายเชื้อ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา หัวข้อ ?บทบาทของกระทรวงการต่างประเทศกับการทูตวิทยาศาสตร์ การทูตนวัตกรรม การทูตอวกาศ และการทูตเศรษฐกิจสร้างสรรค์? สามารถรับฟังย้อนหลังได้ที่ Facebook ?สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย?
วันศุกร์ที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๔ เวลา ๐๘.๐๕ - ๐๘.๒๐ น. รายการ ?MFA Update? FM 88.0 (ภาษาอังกฤษ) จะสัมภาษณ์นายเชษฐพันธ์ มากสัมพันธ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ หัวข้อ ?Thailand ? Poland Cooperation Opportunities and Potentials? สามารถรับฟังย้อนหลังได้ทาง Facebook ?FM 88 Radio Thailand English?
ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ