สรุปการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ วันศุกร์ที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๑.๓๐ น.
ทาง Facebook Live กระทรวงการต่างประเทศ
๑. การปรับมาตรการการเดินทางเข้าประเทศไทย
ระบบ Thailand Pass จะระงับการลงทะเบียนสำหรับการเดินทางเข้าประเทศไทยชั่วคราว แบบ Test & Go (ได้รับการยกเว้นการกักตัว) ทั้งหมด และการเข้าประเทศไทยแบบ Sandbox ทุกจังหวัด ยกเว้นจังหวัดภูเก็ต โดยมาตรการดังกล่าวเป็นมาตรการที่จะบังคับใช้เป็นการชั่วคราว โดยได้มีผลตั้งแต่เที่ยงคืนของคืนวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ หรือ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๔ เวลา ๐๐.๐๐ น. ไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนผ่านระบบ Thailand Pass แล้ว จะต้องปฏิบัติตามแนวทาง ดังนี้
(๑) ผู้ที่ลงทะเบียนแล้วและได้รับอนุมัติ รวมทั้งได้รับ Thailand Pass QR Code แล้ว (ทุกประเภท) สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ตามมาตรการที่ได้รับอนุมัติ
(๒) ผู้ที่ลงทะเบียนแล้ว และกำลังรอการพิจารณา ขอให้รอการพิจารณา Thailand Pass QR Code หากได้รับอนุมัติจะเดินทางเข้าประเทศไทยได้ตามมาตรการที่ได้รับอนุมัติเช่นเดียวกัน
(๓) ผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยในรูปแบบการกักตัว (AQ) (กักตัว ๑๐ วัน ทั้งผู้ที่ได้รับวัคซีนครบและไม่ได้รับวัคซีน) และรูปแบบ Sandbox ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต (อยู่ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ๗ วัน โดยต้องได้รับวัคซีนครบแล้ว) ยังสามารถลงทะเบียนในระบบได้ตามปกติ
(๔) ผู้ที่กำลังจะเดินทางเข้าประเทศไทยในรูปแบบ Test & Go และ Sandbox จะต้องเข้ารับการตรวจเชื้อครั้งที่ ๒ โดยวิธี RT-PCR (จากเดิม ATK) โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
กระทรวงการต่างประเทศขอยืนยันว่า มาตรการดังกล่าว เป็นการบังคับใช้ชั่วคราว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ สายพันธุ์ใหม่ โดยจะมีการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหากมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ กระทรวงการต่างประเทศจะแจ้งให้ทราบโดยทันทีต่อไป
The updated measures on entry into Thailand
Important updates on entry into Thailand, due to the evolving situation of the latest new COVID-19 variant:
Thailand Pass has been closed for all new Test and Go and Sandbox applications (except Phuket Sandbox), starting from 00.00 hrs. on 22 December 2021, until further notice.
The following new ?temporary measures? will apply to all applicants on Thailand Pass:
Applicants who have already received their Thailand Pass QR Code can enter Thailand under the scheme they have registered.
Applicants who have already registered, but have not yet received their QR Code must wait for their Thailand Pass to be considered / approved. Once approved, they can enter Thailand under the scheme they have registered.
New applicants will no longer be able to register for the Test and Go and Sandbox schemes (except for Phuket Sandbox). Thailand Pass will accept new applicants seeking to enter Thailand under the Alternative Quarantine (AQ) or Phuket Sandbox schemes only.
Passengers who will arrive in Thailand under the Test and Go and Sandbox schemes must now undergo a second COVID-19 test using the RT-PCR technique (not ATK self-test) at government-designated facilities (no additional cost).
These updated measures are temporary, to prevent further spread of the latest new COVID-19 variant. We will assess the situation closely and share updates as soon as possible.
๒. ผลการเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ และการประชุมคณะกรรมาธิการร่วม ว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (Joint Commission for Bilateral Cooperation: JC) ไทย - กัมพูชา ครั้งที่ ๑๑ ณ กรุงพนมเปญ (๑๗-๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๔)
เมื่อวันที่ ๑๗ - ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๔ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ และเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี ไทย - กัมพูชา ครั้งที่ ๑๑ ณ กรุงพนมเปญ
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นความสัมพันธ์ทวิภาคีและประเด็นในภูมิภาค รวมถึงแนวทางการดำเนินการของกัมพูชาในฐานะประธานอาเซียนในปี ๒๕๖๕ ซึ่งไทยได้แสดงความเชื่อมั่นและการสนับสนุนกัมพูชาในการทำหน้าที่ประธานอาเซียนอย่างเต็มที่
ทั้งสองฝ่ายยินดีกับการเฉลิมฉลอง ๗๐ ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - กัมพูชา และความร่วมมืออย่างแนบแน่นระหว่างทั้งสองประเทศท่ามกลางความท้าทายจากสถานการณ์โควิด-๑๙ ภายใต้แนวคิด ?ฟื้นฟูไปด้วยกันเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง?
ผลการประชุม แบ่งเป็น ๓ ประเด็นสำคัญ ดังนี้
(๑) การฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมโดยเร็วจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ ได้แก่
- การอำนวยความสะดวกในการเดินทางข้ามแดนระหว่างกัน
- การกลับมานำเข้าแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านของไทย รวมถึงกัมพูชา และสนับสนุนแรงงานเข้ามาผ่านอย่างถูกต้อง
- การบรรลุเป้าหมายการค้า ๑๕,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี ๒๕๖๘ โดยไทยเป็นนักลงทุนอันดับ ๙ ของกัมพูชา และส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนของทั้งสองฝ่ายในแต่ละประเทศ
- การส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะการเตรียมการเปิดสะพานมิตรภาพไทย - กัมพูชาที่เชื่อมโยงจังหวัดสระแก้วกับจังหวัดบันเตียเมียนเจย ในปี ๒๕๖๕
- การกระชับความร่วมมือด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดน โดยได้มีพิธีส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ ๑๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนกัมพูชาในการรับมือกับโรคโควิด-๑๙
(๒) การรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดน และการส่งเสริมมิตรภาพอันใกล้ชิดระหว่างประชาชนไทยและกัมพูชา ได้แก่
- ความร่วมมือเพื่อป้องกันและปราบปรามปัญหาการลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ ซึ่งรวมถึงการช่วยเหลือและส่งกลับคนไทยที่ถูกชักชวนไปทำงานหลอกลวงทางโทรศัพท์หรือกรณี call center การค้ายาเสพติด และอาชญากรรมข้ามชาติประเภทอื่น ๆ
- ฝ่ายไทยได้สนับสนุนทางการเงินในการก่อสร้างศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดและฝึกอาชีพแห่งชาติในจังหวัดพระสีหนุ เป็นเงินจำนวน ๓๘ ล้านบาท
(๓) ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในประเด็นอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและอาเซียน
- จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการส่งเสริมความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงผ่านกลไกความร่วมมือต่าง ๆ โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี - เจ้าพระยา - แม่โขง (ACMECS)
- ฝ่ายไทยสนับสนุนการเป็นประธานอาเซียนของกัมพูชาในปี ๒๕๖๕ อย่างเต็มที่ และแสดงความพร้อมที่จะทำงานร่วมกับกัมพูชาเพื่อสนับสนุนอาเซียน ในการรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ในภูมิภาค ซึ่งรวมถึงประเด็นเมียนมา
๓. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมพิธีส่งมอบห้องสมุดอาเซียน
เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๔ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานในพิธีส่งมอบห้องสมุดอาเซียนให้โรงเรียนบ้านโคกทุ่งน้อย จังหวัดหนองบัวลำภู โดยมีภริยา อธิบดีกรมอาเซียน และรองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู เข้าร่วมงาน โรงเรียนบ้านโคกทุ่งน้อย เป็นโรงเรียนระดับอนุบาล-มัธยมศึกษาตอนต้น มีจำนวนนักเรียน ๙๗ คน เป็นโรงเรียนเครือข่ายมูลนิธิยุวทูตความดี และเป็นโรงเรียนแห่งที่ ๖๐ ที่ได้รับมอบห้องสมุดอาเซียน
ในวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๔ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานในพิธีส่งมอบห้องสมุดอาเซียนให้โรงเรียนอนุบาลวังสามหมอ จังหวัดอุดรธานี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เข้าร่วมงาน โรงเรียนอนุบาลวังสามหมอ เป็นโรงเรียนระดับอนุบาล-ประถมศึกษา จำนวนนักเรียน ๙๓๗ คน เป็นโรงเรียนเครือข่ายมูลนิธิยุวทูตความดี และเป็นโรงเรียน แห่งที่ ๖๑ ที่ได้รับมอบห้องสมุดอาเซียน
กรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ ริเริ่มดำเนินโครงการ ?๑ จังหวัด ๑ โรงเรียน ๑ ห้องสมุดอาเซียน เพื่อประชาชนและเยาวชนไทย? โดยสร้างห้องสมุดอาเซียนในโรงเรียนตามจังหวัดต่าง ๆ ในทุกภูมิภาคของประเทศมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๗ เพื่อให้ห้องสมุดอาเซียนเป็นแหล่งความรู้และเป็นสถานที่จัดกิจกรรมเกี่ยวกับอาเซียนสำหรับนักเรียน เยาวชน ในพื้นที่ให้สนใจความเป็นไปของสังคมโลก
๔. การประชุมหารือเรื่องการบรรลุเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น และการประชุมระดับอธิบดีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น (๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๔)
ไทยและญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพร่วมจัดการประชุมหารือเรื่องการบรรลุเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น (Mekong-Japan SDGs Forum) ครั้งที่ ๑ ภายใต้หัวข้อ Decisive Decade: Actions and Count Down Toward 2030 โดยมีผู้เข้าร่วมจากประเทศสมาชิกกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา ไทย เวียดนาม และญี่ปุ่น
นางอรุณรุ่ง โพธิ์ทอง ฮัมฟรีย์ส เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง และเจ้าหน้าที่อาวุโสไทยในกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง เป็นประธานและกล่าวเปิดงานร่วมกับอธิบดีกรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ทั้งสองฝ่ายได้ย้ำความสำคัญของการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่นในการขับเคลื่อนให้ประเทศลุ่มน้ำโขงสามารถบรรลุเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ภายในปี ๒๕๗๓ และก้าวข้ามความท้าทายในปัจจุบัน โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
ในวันเดียวกัน เอกอัครราชทูตอรุณรุ่งฯ ได้เข้าร่วมการประชุมระดับอธิบดีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ที่ประชุมได้เห็นพ้องให้เร่งส่งเสริมความร่วมมือในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพ ความเชื่อมโยงทั้งทางกายภาพและทางกฎระเบียบ การฟื้นฟูเศรษฐกิจ การช่วยเหลือ MSMEs การบริหารจัดการและบรรเทาภัยพิบัติ การพัฒนาทางดิจิทัล การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการแก้ไขปัญหาทางสิ่งแวดล้อม
๕. การประชุมการประชุมระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ครั้งที่ ๕ ภายใต้หัวข้อการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๔)
กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงยุติธรรม สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย และสมาพันธ์ SME ไทย จัดการประชุมระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ครั้งที่ ๕ (5th National Dialogue on Business and Human Rights) ภายใต้หัวข้อการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence ? HRDD) ซึ่งเป็นการตรวจสอบและป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนตลอดห่วงโซ่การผลิต และใช้พัฒนาการด้านนี้ในภูมิภาคยุโรปซึ่งมีความก้าวหน้าในระดับโลกเป็นกรณีศึกษา โดยมีผู้แทนจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์การระหว่างประเทศเข้าร่วมประชุม โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รวมถึงนางจุฬามณี ชาติสุวรรณ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกล่าวเปิดงาน
ที่ประชุมเน้นหารือเกี่ยวกับพัฒนาการและแนวโน้มของการกำหนดให้ HRDD เป็นกฎหมาย การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของบริษัทไทยและต่างชาติในการดำเนินการตาม HRDD และการจัดทำและการบังคับใช้กฎหมาย HRDD ในภูมิภาคยุโรป ตลอดจนข้อเสนอแนะต่อภาคเอกชนไทยต่อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากกฏหมายที่บังคับให้การดำเนินธุรกิจมีความรับผิดชอบ เคารพสิทธิมนุษยชน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจะเกิดขึ้นในหลายประเทศอย่างแน่นอน และจะเป็นมาตรฐานขั้นพื้นฐานที่ภาคเอกชนจะต้องดำเนินการ ภาคเอกชนจึงต้องเตรียมพร้อมสำหรับมาตรการดังกล่าว ซึ่งจะช่วยให้ภาคเอกชนไทยรักษาและเพิ่มพูนความสามารถในการแข่งขัน ควบคู่ไปกับการธำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมและการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
๖. กรมความร่วมมือระหว่างประเทศรับรางวัล JICA President Award ครั้งที่ ๑๗ (๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๔)
นางอุรีรัชต์ เจริญโต อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศได้รับมอบรางวัล JICA President Award ครั้งที่ ๑๗ ประจำปี ๒๕๖๔ จากนายทะคะฮิโระ โมริตะ Chief Representative ขององค์การความร่วมมือแห่งญี่ปุ่น (JICA) ประจำประเทศไทย ในฐานะผู้แทน JICA สำนักงานใหญ่ โดยกรมความร่วมมือระหว่างประเทศได้รับรางวัลดังกล่าว จากการสนับสนุนการดำเนินงานโครงการอาสาสมัครญี่ปุ่นในประเทศไทยของ JICA ตลอด ๔๐ ปีที่ผ่านมา
๗. สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา
ตามที่ได้มีการสู้รบตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ระหว่างทหารเมียนมา กับกองกำลังชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงที่รุนแรงขึ้น ส่งผลให้ประชาชนทั้งสองฝั่งได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนตรงข้ามรัฐกระเหรี่ยง ด้านเมียวดี-แม่สอด จ.ตาก ซึ่งมีผู้หนีภัยจากการสู้รบชาวเมียนมาเข้ามาอยู่ในพื้นที่
จากข้อมูลของกระทรวงกลาโหม ระหว่างวันที่ ๑๖ ? ๒๑ ธันวาคม ที่ผ่านมา ได้มีชาวเมียนมาผู้หลบหนีภัยความไม่สงบจากการสู้รบข้ามมาฝั่งไทยแล้วรวม ๔,๒๑๖ คน เดินทางกลับแล้ว ๘๖๑ คน คงเหลือรวม ๓,๓๕๕ คน ฝ่ายความมั่นคงของไทยได้ให้การช่วยเหลือทางมนุษยธรรมตามหลักสิทธิมนุษยชนและอำนวยความสะดวกนำผู้หนีภัยฯ เข้าพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวฝั่งไทยใน อ.แม่สอด โดยคำนึงถึงบริบทของการแพร่ระบาดโรคโควิด-๑๙ และอำนวยความสะดวกเดินทางกลับภูมิลำเนาตามความสมัครใจเมื่อสถานการณ์ปลอดภัย
ไทยกำลังติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมาอย่างใกล้ชิด และมีความห่วงกังวลกับเหตุการณ์ความรุนแรงล่าสุดในฝั่งเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อฝั่งไทย
สำหรับผู้สนใจให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม (สิ่งของที่จำเป็นและการบริจาค) แก่ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่กิ่งกาชาด ที่ว่าการ อ.แม่สอด จ.ตาก หมายเลขโทรศัพท์ ๐๕๕ ๕๓๓ ๓๙๐
ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับเมียนมาเป็นระยะทางยาว ไทยให้ความสำคัญอย่างมากกับสันติภาพและเสถียรภาพในเมียนมา และได้เรียกร้องอย่างต่อเนื่องให้มีการยุติความรุนแรงและหาแนวทางแก้ไขปัญหาโดยสันติผ่านกระบวนการปรึกษาหารือกัน เพื่อประโยชน์ของประเทศเมียนมาและประชาชนของเมียนมาเอง
๘. การส่งมอบวัคซีนโควิด-๑๙ ยี่ห้อ Pfizer จากรัฐบาลสาธารณรัฐไอซ์แลนด์ให้ไทย (๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๔)
รองอธิบดีกรมยุโรปร่วมเป็นสักขีพยานการส่งมอบวัคซีนโควิด-๑๙ Pfizer จำนวน ๑๐๐,๖๒๐ โดส ซึ่งรัฐบาลสาธารณรัฐไอซ์แลนด์ได้มอบให้แก่รัฐบาลไทย ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีรองกงสุลกิตติมศักดิ์ไอซ์แลนด์ประจำกรุงเทพฯ และผู้แทนกรมควบคุมโรค ร่วมผู้แทนฝ่ายไทยในการรับมอบ
การบริจาควัคซีนให้แก่ประเทศไทยถือเป็นการแสดงไมตรีจิตของฝ่ายไอซ์แลนด์ และเป็นผลมาจากความร่วมมืออันใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงสาธารณสุขของไทยและไอซ์แลนด์ และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงออสโล ซึ่งมีเขตอาณาครอบคลุมไอซ์แลนด์
๙. นครนิวยอร์กประกาศตั้งไทยทาวน์ (Little Thailand Way)
กระทรวงการต่างประเทศขอแสดงความยินดีต่อชุมชนไทยในสหรัฐฯ หลังจากคณะกรรมการชุมชนของเทศบาลนครนิวยอร์ก (Community Board, The City of New York) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้มีการตั้งไทยทาวน์ หรือ Little Thailand Way ขึ้นอย่างเป็นทางการ
ไทยทาวน์แห่งนี้อยู่บนถนน Woodside Avenue 77 Street นครนิวยอร์ก ตั้งขึ้นเมื่อปี ๒๕๕๙ ด้วยการสนับสนุน ความร่วมมือ และการประสานงานกับสมาคมต่าง ๆ ของคนไทยในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง เพื่อจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมของชุมชนคนไทย
นอกจากจะเป็นพื้นที่ที่มีธุรกิจร้านค้าของคนไทย อาทิ ร้านอาหารไทย ร้านกาแฟ ร้านซักรีด ตลาดร้านค้ามินิมาร์ทสินค้าจากประเทศไทยแล้ว เมื่อปี ๒๕๓๗ ชุมชนคนไทยในย่านนี้ยังร่วมกันสร้างวัดพุทธไทยถาวรวนาราม เพื่อเป็นศูนย์รวมของคนไทยแห่งหนึ่งด้วย นครนิวยอร์กประสงค์ให้มีเทศกาลสงกรานต์ในย่านนี้ช่วยจัดปีละสองครั้ง พร้อมให้มีการปิดถนน ทุกวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจนิวยอร์กหลังโควิด ไทยทาวน์นับเป็นจุดเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม การค้าเศรษฐกิจกับประเทศไทยในมิติต่าง ๆ ยกตัวอย่างไทยทาวน์ในนครลอสแอนเจลิส ซึ่งนับเป็นตัวอย่างที่สำคัญของการสร้างศักยภาพชุมชนไทยในต่างแดนที่เข้มแข็ง ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศให้การสนับสนุนชุมชนไทยทั่วโลกมาโดยตลอด
๑๐. ประกาศผลผู้ชนะการประกวดตราสัญลักษณ์ครบรอบ ๗๐ ปี ความสัมพันธ์ไทย - ออสเตรเลีย
กระทรวงการต่างประเทศ และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา ได้ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย จัดกิจกรรมประกวดออกแบบตราสัญลักษณ์ฉลองครบรอบ ๗๐ ปี เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ ๗๐ ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ออสเตรเลีย โดยผู้ชนะการออกแบบ คือคุณชนิดา เหงขุนทด ซึ่งเป็นผู้ออกแบบตราสัญลักษณ์ตามที่ปรากฏในภาพฉาย
สามารถติดตามกิจกรรมเฉลิมฉลองครบ ๗๐ ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ออสเตรเลีย ตลอดปีที่จะถึงนี้ได้ทางเฟซบุ๊ก ?Royal Thai Embassy Canberra / สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา? : https://www.facebook.com/Royal-Thai-Embassy-Canberra
๑๑. รายการบันทึกสถานการณ์ และ MFA Update
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๔ เวลา ๐๘.๓๐ - ๐๘.๔๕ น. รายการ ?บันทึกสถานการณ์? ทาง FM 92.5 (ภาษาไทย) ได้สัมภาษณ์ นายรองวุฒิ วีรบุตร อุปทูต รักษาราชการแทนเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา หัวข้อ ?จากสันนิบาตชาติสู่สำนักงานสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา? สามารถรับชมย้อนหลังได้ทาง youtube ?MFA Thailand Channel?
และเมื่อวันศุกร์ที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๔ เวลา ๐๘.๐๕ รายการ ?MFA Update? FM 88.0 (ภาษาอังกฤษ) ได้สัมภาษณ์นางสาวมรกต ศรีสวัสดิ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา หัวข้อ ?Thailand and the United Nations in Vienna? สามารถรับชมย้อนหลังได้ทาง youtube ?MFA Thailand Channel?
๑๒. รายการ Spokesman Live!!!
วันนี้ (วันศุกร์ที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๔) เวลา ๒๐.๐๐ - ๒๐.๓๐ น. ขอเชิญติดตามรายการ คุยรอบโลกกับโฆษก กต. - Spokesman Live!!! จะสัมภาษณ์นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทอินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) หัวข้อ ?ความสำเร็จของ Thailand Pavilion ในงาน Expo 2020 Dubai? สามารถติดตามชมได้ที่ Facebook ?กระทรวงการต่างประเทศ? และ ?Saranrom Radio?
ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ