สรุปการแถลงข่าวประจำสัปดาห์
วันพุธที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ เวลา ๑๓.๓๐ น.
ทาง Facebook Live กระทรวงการต่างประเทศ
๑. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินร่วมในพิธีเปิดมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ครั้งที่ ๒๔ ณ กรุงปักกิ่ง (๓ - ๕ ก.พ. ๒๕๖๕)
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และได้ทรงเข้าร่วมพิธีเปิดมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ครั้งที่ ๒๔ ณ กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ ๔ ก.พ. ๒๕๖๕ ณ สนามกีฬาแห่งชาติ กรุงปักกิ่ง
โดยช่วงเช้าวันที่ ๔ ก.พ. ๒๕๖๕ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ ได้พระราชทานพระราชวโรกาสให้นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทและถวายพระกระยาหารเช้า ณ เรือนรับรองรัฐบาลเตี้ยวหยูไถ ก่อนจะเสด็จฯ กลับไทยในวันที่ ๕ ก.พ. ๒๕๖๕ โดยในระหว่างประทับที่จีน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง และคณะข้าราชการเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง ได้ถวายการรับเสด็จฯ ตลอดหมายกำหนดการ
สำหรับในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งนี้ ประเทศไทยส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด ๔ คน ได้แก่
(๑) นายมรรค จันเหลือง นักกีฬาสกีครอสคันทรีชาย (มีกำหนดแข่งขันวันที่ ๖ ก.พ. และ ๑๑ ก.พ.)
(๒) น.ส. คาเรน จันเหลือง นักกีฬาสกีครอสคันทรีหญิง (มีกำหนดแข่งขันวันที่ ๑๐ ก.พ.)
(๓) นายนิโคลา ซานอน นักกีฬาสกีอัลไพน์ชาย (มีกำหนดแข่งขันวันที่ ๑๓ ก.พ. และ ๑๖ ก.พ.)
(๔) น.ส. มิดา ฟ้า ใจมั่น นักกีฬาสกีอัลไพน์หญิง (มีกำหนดแข่งขันวันที่ ๗ ก.พ. และ ๙ ก.พ.)
ในอาเซียนมี ๓ ประเทศที่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันคือ ไทย มาเลเซียและฟิลิปปินส์ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง ได้ร่วมอำนวยความสะดวกให้กับนักกีฬา และคณะเจ้าหน้าที่ของไทย ขอเชิญชวนให้ชาวไทยทุกท่านร่วมส่งกำลังใจเชียร์นักกีฬาทีมชาติไทยของเราในครั้งนี้ด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยคณะผู้บริหารคณะกรรมการโอลิมปิคประเทศไทย และการกีฬาแห่งประเทศไทย ก็ได้เดินทางเยือนประเทศจีน เพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดฯ และเยี่ยมให้กำลังใจนักกีฬาทีมชาติไทย รวมทั้งเข้าพบหารือกับนายโก่ว จงเหวิน รัฐมนตรีว่าการทบวงการกีฬาแห่งชาติจีน และประธานคณะกรรมการโอลิมปิกจีน ฝ่ายไทยได้แสดงความชื่นชมการบริหารจัดการของจีนที่สามารถนำเทคโนโลยี มาใช้แทนกำลังคน เป็นการลดการสัมผัส ช่วยควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ในหมู่นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ นอกจากนั้น ยังได้หารือกันถึงความร่วมมือและแลกเปลี่ยนด้านกีฬาระหว่างไทย-จีน ซึ่งประเทศจีนเป็นหนึ่งในประเทศที่ไทยทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ในการผลักดันกีฬามวยไทยไปสู่การแข่งขันระดับสากลด้วย
๒. การติดตามผลการเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี
กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้กำหนดแผนปฏิบัติการเพื่อส่งเสริมความร่วมมือกับซาอุดีฯ ในสาขาต่าง ๆ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมมากที่สุด ซึ่งแบ่งเป็นด้านต่าง ๆ ดังนี้
ด้านการทูตและการเมือง
ในระหว่างการเยือนซาอุดีฯ นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลเชิญเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด (HRH Prince Mohammad bin Salman bin Abdulaziz Al Saud) มกุฎราชกุมารฯ แห่ง ซาอุดีฯ เยือนไทย ซึ่งพระองค์ทรงรับคำเชิญจากนายกรัฐมนตรีในการเสด็จเยือนประเทศภายในปี ๒๕๖๕ ทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศจะประสานการเยือนอย่างใกล้ชิดต่อไป
วันที่ ๑๑ ก.พ. ๒๕๖๕ กระทรวงการต่างประเทศจะจัดประชุมหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางและแนวทางการดำเนินการเพื่อส่งเสริมความร่วมมือกับซาอุดีฯ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะจัดที่กระทรวงการต่างประเทศ
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการแต่งตั้งเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด คนแรกในรอบ ๓๒ ปี และอยู่ในระหว่างการจัดตั้งกลไกหารือทวิภาคี ๒ ระดับ ได้แก่ระดับคณะทำงานหรือเจ้าหน้าที่อาวุโส และระดับรัฐมนตรีในรูปแบบคณะกรรมาธิการร่วม นำโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งจะได้มีการกำหนดช่วงเวลาการหารือระหว่างกันในโอกาสต่อไป
ด้านเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ ๗ ก.พ. ๒๕๖๕ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หารือภาคเอกชนไทยถึงแนวทางส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทย ? ซาอุดีอาระเบีย ในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพ และหารือการจัดคณะนักธุรกิจและภาคเอกชนไทยเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียในโอกาสแรก
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พร้อมตัวแทนระดับสูงภาคเอกชนจำนวน ๒๖ คน ได้หารือกับรองนายกรัฐมนตรีดอนฯ เพื่อแลกเปลี่ยนทัศนะและแนวทางความร่วมมือในสาขาและที่ไทยและซาอุดีอาระเบียมีศักยภาพ อาทิ การบริการและการโรงแรม การท่องเที่ยว พลังงาน ยานยนต์ การก่อสร้าง และการศึกษาและฝึกอบรมเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยย้ำถึงความเชื่อมโยงระหว่างนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy Model - BCG) ของไทยกับนโยบายวิสัยทัศน์ ค.ศ. ๒๐๓๐ ของซาอุดีอาระเบียที่สามารถสอดรับกันได้อย่างดีเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศ และประชาชนของทั้งสองฝ่าย
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือถึงความเป็นไปได้ในการจัดให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นหัวหน้าคณะเพื่อนำผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนไทย เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย ภายในเดือน ก.พ. ๒๕๖๕ เพื่อหารือและแสวงหาโอกาสความร่วมมือกับผู้แทนภาครัฐและภาคเอกชนของซาอุดีอาระเบียต่อไป
ด้านแรงงาน
ไทยและซาอุดีฯ เห็นตรงกันว่า ความร่วมมือด้านแรงงานเป็นสาขาที่มีศักยภาพซึ่งจะเพิ่มโอกาสให้แรงงานไทยกลับเข้าไปทำงานในซาอุดีฯ ได้ ซึ่งขณะนี้ซาอุดีฯ มีความต้องการแรงงานในสาขาต่าง ๆ กว่า ๘ ล้านตำแหน่ง โดยไทยมีศักยภาพในด้านการบริหารจัดการท่องเที่ยว แรงงานฝีมือและกึ่งฝีมือในสาขาต่าง ๆ ทั้งนี้ การส่งออกแรงงานไปซาอุดีฯ จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยยุคหลังโควิดเช่นเดียวกัน ในการประชุมระหว่างรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกับผู้บริหารกระทรวงฯ ได้มีการหารือการ upskill และ reskill การปรับเพิ่มฝีมือแรงงานไทย เพื่อให้สอดรับกับความต้องการแรงงานของซาอุดีอาระเบีย
เมื่อวันที่ ๗ ก.พ. ๒๕๖๕ กระทรวงแรงงานได้จัดการประชุมเพื่อพิจารณาร่างความตกลงความร่วมมือด้านแรงงาน โดยกระทรวงแรงงานและกระทรวงการต่างประเทศจะพิจารณารายละเอียดร่วมกัน เพื่อให้สามารถลงนามได้ในโอกาสแรก โดยจะมีการหารืออีกครั้งในวันที่ ๑๑ ก.พ. ๒๕๖๕
๓. การเยือนไทยอย่างเป็นทางการของเลขาธิการองค์การสันนิบาตมุสลิมโลก
ดร.มุฮัมมัด บิน อับดุลกะรีม อัลอีซา (E. Dr. Mohammad bin Abdulkarim Al-Issa) เลขาธิการองค์การสันนิบาตมุสลิมโลก มีกำหนดเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ ๑๔ ? ๑๘ ก.พ. ๒๕๖๕ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยกับองค์การสันนิบาตมุสลิมโลก (Muslim World League) และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและการสร้างความเข้าใจ รวมถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในสังคมพหุวัฒนธรรม (interfaith dialogue) กับผู้นำระดับสูงของไทย นักวิชาการ นักศึกษามหาวิทยาลัย และผู้นำชุมชนไทยมุสลิม
ตลอดระยะเวลาที่พำนักในประเทศไทย เลขาธิการองค์การสันนิบาตมุสลิมโลกและคณะจะปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-๑๙ อย่างเข้มงวดเพื่อความปลอดภัยด้านสาธารณสุขแก่ประชาชนทุกฝ่ายโดยรวม
๔. ผลการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบังกลาเทศ (๓๑ ม.ค. ๒๕๖๕)
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หารือทางโทรศัพท์กับ ดร. อาบุลคาลัม อับดุล โมเมน (Dr. Abulkalam Abdul Momen) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบังกลาเทศ
ทั้งสองฝ่ายหารือเกี่ยวกับกระบวนการส่งกลับผู้พลัดถิ่นในบังกลาเทศสู่รัฐยะไข่ของเมียนมา โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่า ไทยพร้อมสนับสนุนความร่วมมือเกี่ยวกับการส่งกลับผู้พลัดถิ่นฯ ในระดับทวิภาคี และในกรอบอาเซียน
ฝ่ายบังกลาเทศขอบคุณไทยสำหรับการช่วยอพยพชาวบังกลาเทศกลับประเทศในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ และการเปิดโอกาสให้บังกลาเทศเข้าร่วมโครงการเปิดเสรีสินค้าภายใต้สิทธิยกเว้นภาษีและโควตา (Duty Free/Quota Free - DFQF) โดยหวังว่าทั้งสองประเทศจะเพิ่มการค้าและการลงทุนระหว่างกันได้ พร้อมเชิญชวนให้นักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนในบังกลาเทศมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านการ แปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตร
ทั้งสองฝ่ายแสดงความยินดีต่อการครบรอบ ๕๐ ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย ? บังกลาเทศ ในปี ๒๕๖๕ และจะสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสสำคัญดังกล่าวรวมทั้งการเยือนระดับสูง
๕. การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปคครั้งที่ ๑ (SOM 1) (๑๔- ๒๕ ก.พ. ๒๕๖๕)
กระทรวงการต่างประเทศ อยู่ในระหว่างการเตรียมการจัดการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปคครั้งที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๑๔ ? ๒๕ ก.พ. ๒๕๖๕ ซึ่งนับเป็นการประชุมทางการครั้งแรกของปี เพื่อปูทางประเด็นหารือที่ไทยจะผลักดันตลอดทั้งปี โดยจะจัดในรูปแบบออนไลน์ จากเดิมจะจัดในรูปแบบทางด้านกายภาพ
SOM 1 ประกอบด้วยการประชุมคณะทำงานและการสัมมนาต่าง ๆ กว่า ๓๐ การประชุม ครอบคลุมประเด็นด้านการค้าการลงทุน ความเชื่อมโยง ความร่วมมือด้านดิจิทัล ไปจนถึงความมั่นคงทางอาหาร สุขภาพ สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยจะมีการนำความเห็นของภาคเอกชนจากสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจของเอเปค (ABAC) มาพิจารณาในการประชุมต่าง ๆ ด้วย เพื่อให้กลไกการทำงานของเอเปคตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจมากที่สุด ผลการประชุมทั้งหมดจะนำไปรายงานต่อที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสในวันที่ ๒๔ ? ๒๕ ก.พ. ๒๕๖๕
การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปค นับเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนการทำงานของเอเปค จะจัดขึ้นทั้งหมด ๔ ครั้ง ตลอดปี โดยนำผลการหารือเพื่อจัดทำเป็นผลลัพธ์เสนอต่อการพิจารณาของที่ประชุมระดับรัฐมนตรีเอเปคและระดับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค
ไทยมุ่งเน้นที่จะผลักดันผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในการเป็นเจ้าภาพเอเปค ตามหัวข้อหลักเปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล หรือ Connect. Balance. โดยเปิดประเด็นการหารือต่อไปนี้
(๑) Open คือ การเปิดกว้างต่อการขับเคลื่อนการหารือเรื่องเขตการค้าเสรีในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Free Trade Area of the Asia-Pacific: FTAAP) ซึ่งเตรียมไว้สำหรับยุคหลังโควิด-๑๙ ซึ่งยังไม่ใช่การเจรจาเขตการค้าเสรีแต่เป็นการเจรจาเพื่อปูทางกำหนดหลักเกณฑ์ที่สำคัญ เพื่อนำไปสู่การเจรจาต่อไ
(๒) Connect ? การส่งเสริมความเชื่อมโยงในเอเปค โดยเฉพาะการส่งเสริมการอำนวยความสะดวกการเดินทางข้ามแดน ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่ออำนวยความสะดวกและรื้อฟื้นการเดินทางข้ามพรมแดนในภูมิภาคเอเปคอย่างปลอดภัยและไร้รอยต่อ ในวันที่ ๒๑ ก.พ. ๒๕๖๕ ซึ่งเป็นคณะทำงานที่ตั้งขึ้นโดยเฉพาะภายใต้การเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทย
(๓) Balance ? การนำโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจ สีเขียว (BCG) มาเป็นแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในเอเปค โดยไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการหารือเชิงนโยบายเพื่อส่งเสริมโมเดลเศรษฐกิจ BCG ในวันที่ ๒๒ ก.พ. ๒๕๖๕ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินการเรื่อง BCG ร่วมกับเขตเศรษฐกิจสมาชิกเอเปคโดยเน้น ๓ สาขาคือ การเกษตรและระบบอาหาร (๒) พลังงาน และ (๓) การบริหารจัดการทรัพยากร
ในภาพรวม การขับเคลื่อนความร่วมมือต่าง ๆ เหล่านี้ จะส่งผลให้ประชาชนและภาคธุรกิจของไทยได้ประโยชน์ อาทิ จากการเดินทางข้ามพรมแดนที่สะดวกยิ่งขึ้น การเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจได้อย่างเท่าเทียมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมถึงการเข้าถึงแหล่งเงินทุน นวัตกรรมทางดิจิทัล (digital innovation) การพัฒนาศักยภาพและขยายโอกาสของ MSMEs และการสร้างเสริมการพัฒนาพลังงานทดแทน
๖. การแถลงข่าวผลการประชุม SOM1 และการลงทะเบียนสื่อมวลชนเอเปค
กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับสำนักเลขาธิการเอเปคจะจัดการแถลงข่าวสรุปผลการประชุม SOM1 แก่สื่อมวลชนทั่วโลก ในรูปแบบออนไลน์ ในวันศุกร์ที่ ๒๕ ก.พ. ๒๕๖๕ เวลา ๑๒.๓๐ - ๑๓.๑๕ น. ตามเวลาประเทศไทย (โดยประมาณ) ผู้ร่วมแถลงข่าวได้แก่ นายธานี ทองภักดี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศและประธานเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปค ปี ๒๕๖๕ และ Rebecca Sta Maria ผู้อำนวยการบริหาร สำนักงานเลขาธิการเอเปค โดยอธิบดีกรมสารนิเทศ นายธานี แสงรัตน์ จะเป็นผู้ดำเนินรายการ โดยจะเป็นการแถลงในภาษาอังกฤษ
การแถลงข่าวจะเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสามารถถามคำถามที่เกี่ยวข้องกับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคในปี ๒๕๖๕ รวมทั้งผลลัพธ์สำคัญและนโยบายที่ประเทศไทยมุ่งเน้นในการประชุมเอเปค
สื่อมวลชนที่สนใจเข้าร่วม จะต้องลงทะเบียนสื่อมวลชนเอเปค โดยทำตามขั้นตอนในข้อมูลสำหรับสื่อมวลชน (Media Kit) ปรากฏในเว็บไซต์ https://www.apec2022.go.th/apec-senior-officials-meeting-1-som1-media-kit/ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการลงทะเบียน สามารถติดต่อสอบถามได้ที่กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ โทร ๐๒ ๒๐๓ ๕๐๐๐ ต่อ ๒๒๐๒๕ และ ๒๒๙๒๑
หลังจากเสร็จสิ้นการแถลงข่าวออนไลน์ ในวันเดียวกัน ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ จะมีการแถลงข่าวสรุปผลการประชุม SOM1 และตอบคำถามสื่อมวลชนไทยอีกครั้งแบบกายภาพ โดยกองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ จะแจ้งรายละเอียดให้แก่สื่อมวลชนต่อไป
กระทรวงการต่างประเทศได้จัดทำคลิปวิดิทัศน์ประชาสัมพันธ์ APEC2022THAILAND, we never stop เราไม่หยุดเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน https://www.facebook.com/APEC2022Thailand/videos/472873004339443/
ขอให้ท่านช่วยกันแชร์คลิปนี้ เพื่อเป็นการสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทย
๗. กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ จัดกิจกรรมแข่งขันเปิดตัวนิทรรศการออนไลน์ GSSD Expo 2022
กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ จัดกิจกรรมแข่งขันเพื่อประชาสัมพันธ์การเป็นเจ้าภาพงาน Global South-South Development Expo 2022 ซึ่งเป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติด้านการพัฒนาระหว่างประเทศเพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือใต้ - ใต้และไตรภาคี ของทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และทุกองค์กรภายใต้ระบบสหประชาชาติ
มีการแข่งขัน ๓ รายการ ได้แก่
(๑) ประกวดคำขวัญภายใต้หัวข้อ ?ส่งเสริมความร่วมมือใต้-ใต้และไตรภาคี ในการฟื้นฟูการพัฒนาที่ยั่งยืนจากผลกระทบของสถานการณ์โควิด-๑๙ และเผยแพร่ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง? (Advancing South-South and Triangular Cooperation for Sustainable COVID-19 Recovery: Towards a Smart and Resilient Future) ชิงเงินรางวัลรวม ๓๕,๐๐๐ บาท
(๒) ประกวดภาพถ่ายพร้อมคำบรรยาย โดยเป็นภาพเดี่ยวของตัวเองหรือภาพหมู่ที่เคยเดินทางไปท่องเที่ยว/เรียน/ทำงาน ในกลุ่มประเทศที่อยู่ในกลุ่มความร่วมมือด้านการพัฒนา (ภูมิภาคเอเชีย แอฟริกา ลาตินอเมริกา เอเชียกลาง ตะวันออกกลางและหมู่เกาะแปซิฟิกใต้) พร้อมคำบรรยายเกี่ยวกับในการไปเยือน ชิงเงินรางวัลรวม ๓๕,๐๐๐ บาท
(๓) ประกวดคลิปวิดีโอโดยเลือก ๑ หัวข้อที่ตนถนัด ชิงเงินรางวัลรวม ๑๕๐,๐๐๐ บาท
ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.thaidevelopmentexpo.com
๘. การเตรียมการสำหรับคนไทยในสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างยูเครนและรัสเซีย
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศ และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ ซึ่งมีเขตอาณาครอบคลุมยูเครน ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งไทยหวังว่า ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี และสถานการณ์จะคลี่คลายลงด้วยดี
สำหรับสถานการณ์นี้ ยังไม่มีผลกระทบต่อคนไทยในยูเครน อย่างไรก็ดี สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ ได้เตรียมแผนอพยพในกรณีเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินเผื่อไว้สำหรับชุมชนคนไทยในยูเครนที่มีอยู่ประมาณ ๒๐๐ ? ๒๓๐ คน โดยส่วนใหญ่พำนักในกรุงเคียฟและบริเวณใกล้เคียง และรองลงมาเป็นเมือง Odesa (โอเดสซา) และบริเวณใกล้เคียง ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเป็นพนักงานร้านสปาและนวดไทย และมีบางส่วนที่สมรสกับชาวยูเครน
ช่องทางการสื่อสารกับคนไทยในยูเครน
(๑) สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้สื่อสารกับคนไทยคนในยูเครนผ่าน Facebook สถานเอกอัครราชทูตฯ ?Royal Thai Embassy, Warsaw, Poland? เพื่อแจ้งข่าวสารต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงได้แจ้งข่าวสำคัญใน Facebook กลุ่ม ?คนไทยในประเทศยูเครน? อีกทางหนึ่งด้วย
(๒) สถานเอกอัครราชทูตฯ ยังได้จัดตั้งกลุ่ม LINE ระหว่างสถานเอกอัครราชทูตฯ กับชุมชนไทยในยูเครนเพื่อสื่อสารกับคนไทยได้อย่างรวดเร็วและทันเหตุการณ์ยิ่งขึ้น และจะตั้งกลุ่ม Telegram ระหว่าง สถานเอกอัครราชทูตฯ กับเจ้าของร้านสปาไทยชาวยูเครน (Telegram เป็น Chat application ซึ่งคนยูเครนนิยมใช้) เพื่อการประสานงานกันอย่างทันท่วงทีกรณีมีเหตุการณ์ฉุกเฉินด้วย
(๓) สถานเอกอัครราชทูตฯ มีหมายเลข Hotline (+๔๘ ๖๘๖ ๖๔๒ ๓๔๘) สามารถติดต่อได้ ๒๔ ชม.
สถานเอกอัครราชทูตฯ ณ กรุงวอร์ซอ ได้เตรียมแผนและเส้นทางหลักในการอพยพคนไทยในยูเครน สำหรับสถานการณ์ (scenario) ต่าง ๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว ขอให้ชาวไทยในยูเครนไม่ตื่นตระหนก และรับฟังข่าวสารจากสถานเอกอัครราชทูตฯ อย่างใกล้ชิด ๙. กระทรวงการต่างประเทศจัดกิจกรรมกรมการกงสุลสัญจร ณ ศาลากลาง จ.มุกดาหาร (๒๑ - ๒๕ ก.พ. ๒๕๖๕)
กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ จัดบริการกรมการกงสุลสัญจรทุกเดือน เพื่อให้บริการทำหนังสือเดินทาง ในเดือนนี้กรมการกงสุล ได้จัดกงสุลสัญจรที่ห้องแก้วมุกดา ชั้น ๑ ศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร โดยให้บริการเฉพาะหนังสือเดินทางบุคคลทั่วไป มีค่าธรรมเนียม ๑,๕๐๐ บาท สำหรับหนังสือเดินทางอายุ ๑๐ ปี และ ๑,๐๐๐ บาท สำหรับหนังสือเดินทางอายุ ๕ ปี
กรมการกงสุลได้จัดกิจกรรมกรมการกงสุลสัญจรในจังหวัดต่าง ๆ เป็นประจำทุกเดือนเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนในต่างจังหวัด ตามนโยบายการทูตเพื่อประชาชนของกระทรวงการต่างประเทศของท่านรองนายกรัฐมนตรีดอนฯ และเป็นของขวัญปีใหม่ ๒๕๖๕ ด้วย
๑๐. รายการบันทึกสถานการณ์ และ MFA Update
วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ ก.พ. ๒๕๖๕ เวลา ๐๘.๓๐ - ๐๘.๔๕ น. รายการ ?บันทึกสถานการณ์? ทาง FM 5 (ภาษาไทย) ได้สัมภาษณ์นายรัชฎา จิวาลัย กงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง หัวข้อ ?ตามรอยสยามในปีนัง? สามารถรับชมย้อนหลังได้ทาง youtube ?MFA Thailand Channel?
วันศุกร์ที่ ๑๑ ก.พ. ๒๕๖๕ เวลา ๐๘.๐๕ - ๐๘.๒๐ น. รายการ ?MFA Update? FM 0 (ภาษาอังกฤษ) จะสัมภาษณ์นางสาวบุษฎี สันติพิทักษ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา หัวข้อ ?70th Anniversary of the Establishment of Thailand-Australia Diplomatic Relations? สามารถรับชมย้อนหลังได้ทาง youtube ?MFA Thailand Channel?
๑๑. รายการ Spokesman Live!!!
ในวันศุกร์ที่ ๑๑ ก.พ. ๒๕๖๕ เวลา ๒๐.๐๐ - ๒๐.๓๐ น. ขอเชิญติดตามรายการ คุยรอบโลกกับโฆษก กต. - Spokesman Live!!! จะสัมภาษณ์นางสาวมรกต ศรีสวัสดิ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา หัวข้อ ?สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา: ภารกิจที่มากกว่าความสัมพันธ์ไทย-ออสเตรีย? สามารถติดตามชมได้ที่ Facebook ?กระทรวงการต่างประเทศ? และ ?Saranrom Radio?
ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ