๑. นรม.สปป.ลาว เยือนไทยอย่างเป็นทางการ (๑ - ๒ มิ.ย. ๒๕๖๕)
นายพันคำ วิพาวัน นรม. สปป. ลาวและภริยา ได้เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ตามคำเชิญของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นรม. ถือเป็นการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกภายหลังเข้ารับตำแหน่ง นรม. สปป. ลาว ซึ่งถือเป็นโอกาสที่สำคัญอย่างยิ่งที่ผู้นำของทั้งสองประเทศจะได้กระชับความสัมพันธ์และร่วมกำหนดวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ ไทย ? ลาว ให้ก้าวหน้าต่อไป
โดยเมื่อวันที่ ๑ มิ.ย. ๒๕๖๕ นรม. สปป. ลาว ได้ร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการและหารือข้อราชการกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นรม. ที่ทำเนียบรัฐบาล นรม. ทั้งสองได้หารือกันในประเด็นต่าง ๆ ซึ่งครอบคลุมทุกมิติของความสัมพันธ์ไทย ? ลาว ในบรรยากาศของมิตรภาพและการเป็น เพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด ภายใต้การเปิดศักราชใหม่ของการยกระดับความสัมพันธ์เป็น ?หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เพื่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืน?
ทั้งสองฝ่ายได้หารือความร่วมมือทุกมิติความสัมพันธ์ที่สำคัญ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ที่สองฝ่ายแสดงความต้องการให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจบริเวณชายแดนกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว รวมทั้งฟื้นฟูการท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้ให้ประชาชน ด้านความเชื่อมโยง ที่สองฝ่ายพร้อมขยายการเชื่อมโยงระหว่างกัน โดยเฉพาะการก่อสร้างสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ ใกล้กับสะพานมิตรภาพไทย ? ลาว แห่งที่ ๑ (หนองคาย ? เวียงจันทน์) และจะใช้ประโยชน์จากโครงการรถไฟลาว ? จีน ให้เกิดประโยชน์สูงสุดร่วมกัน ด้านความมั่นคง ที่สองฝ่ายพร้อมเข้มงวดการลาดตระเวนตามแนวชายแดนเพื่อป้องกันการลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมายและยาเสพติด นอกจากนั้นยังหารือด้านความสัมพันธ์ระดับประชาชน ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ด้านสาธารณสุข และด้านความร่วมมือในระดับ อนุภูมิภาคและภูมิภาค
เมื่อวันที่ ๑ มิ.ย. ๒๕๖๕ คือ นรม. สปป. ลาวได้เข้าร่วมพิธีรับมอบปริญญารัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในฐานะผู้นำที่โดดเด่นในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของ สปป. ลาวให้ก้าวหน้าด้วยการวางรากฐานด้านการศึกษา
นอกจากนั้น ในวันเดียวกัน นรม.สปป.ลาว ได้เข้าร่วมและกล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน ?Thai-Lao Business Talk and Networking? เปิดการเสวนาหารือแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับโอกาสทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนระหว่างไทยกับ สปป. ลาว โดยเฉพาะในด้านโอกาสและวิสัยทัศน์จากโครงการรถไฟลาว-จีน และโอกาสของการลงทุนไทยในลาว นอกจากนั้น ยังมีช่วง Business networking ระหว่างภาคธุรกิจของทั้งสองฝ่าย เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมและเป็นประโยชน์ร่วมกัน โดยได้รับความสนใจจากนักธุรกิจและภาคเอกชนไทย--ลาว เข้าร่วมงานกว่า ๒๐๐ คน
๒. รอง นรม./รมว. กต. ร่วม กปช.High-Level Brainstorming Dialogue ครั้งที่ ๖ (๓๐ พ.ค. ๒๕๖๕)
เมื่อวันที่ ๓๐ พ.ค. ๒๕๖๕ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รนรม./รมว.กต. และนาง Armida Salsiah Alisjahbana รองเลขาธิการสหประชาชาติและเลขาธิการบริหารเอสแคป เป็นประธานร่วมในการประชุม High-Level Brainstorming Dialogue on Enhancing Complementarities between the ASEAN Community Vision 2025 and the UN 2030 Agenda for Sustainable Development (HLBD) ครั้งที่ ๖ ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯ
การประชุมมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการขับเคลื่อน ?ข้อริเริ่มความเกื้อกูลระหว่างวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. ๒๐๒๕ กับวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ ของสหประชาชาติ? (Complementarities Initiative)
รอง นรม./รมว.กต. ได้เสนอแนวคิดในการขับเคลื่อน Complementarities Initiative ได้แก่
(๑) การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และแนวปฏิบัติที่ดี ตลอดจนเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ระหว่างอาเซียนกับภาคีภายนอก
(๒) การส่งเสริมให้การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นหนึ่งในประเด็นหลักในความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับภาคีภายนอก เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นเชิงยุทธศาสตร์และส่งเสริมการดำเนินการตามมุมมองอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิก
(๓) การเสริมสร้างศักยภาพและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเยาวชน ผ่านการจัดกิจกรรมให้เยาวชนอาเซียนได้เรียนรู้ นำเสนอแนวคิด และแสดงศักยภาพในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ BCG เพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
(๔) การเสริมสร้างบรรยากาศแห่งสันติ ลดการเผชิญหน้า และกระชับความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ซึ่งจะเอื้อต่อการเสริมสร้างความมั่นคงของมนุษย์ ส่งเสริมสันติภาพ ตลอดจนความมั่งคั่ง และยั่งยืนของโลก
ที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้าและหารือแนวทางการขับเคลื่อนข้อริเริ่มที่เกื้อกูลกัน (Complementarities Initiative) ตามสาขาความร่วมมือที่ระบุใน Complementarities Roadmap (ค.ศ. ๒๐๒๐ - ๒๐๒๕) ทั้ง ๕ สาขา ได้แก่ การขจัดความยากจน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและความเชื่อมโยง การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน การบริโภคและการผลิตอย่างยั่งยืน การเสริมสร้างความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติ
การประชุม HLBD จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีตั้งแต่ปี ๒๕๖๐ โดยมีไทยในฐานะผู้ประสานงานของอาเซียนในเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืนและเอสแคป เป็นเจ้าภาพร่วม โดยผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมที่สำคัญของ HLBD ได้แก่ การจัดทำ Complementarities Roadmap และการจัดตั้งศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนที่กรุงเทพฯ ซึ่งมีบทบาทในการประสานการดำเนินการตาม Roadmap ดังกล่าว
๓. ไทยรับมอบวัคซีนโควิด-๑๙ ยี่ห้อ Moderna จากรัฐบาลเดนมาร์ก (๒๖ พ.ค. ๒๕๖๕)
เมื่อวันที่ ๒๖ พ.ค. ๒๕๖๕ กต.และ สธ.ได้รับมอบวัคซีนโควิด-๑๙ ยี่ห้อ Moderna จำนวน ๑,๒๖๖,๐๐๐ โดส ซึ่งรัฐบาลเดนมาร์กได้มอบให้แก่รัฐบาลไทย ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีนาย Jon Thorgaard (ยอน ทัวร์กอร์ด) ออท.เดนมาร์กประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนฝ่ายเดนมาร์กมอบวัคซีนดังกล่าว
การบริจาควัคซีนของเดนมาร์กในครั้งนี้ เป็นการแสดงถึงไมตรีจิตและความใกล้ชิดระหว่างสองประเทศ หลังจากที่ทั้งสองประเทศได้เฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ ๔๐๐ ปีการติดต่อกันครั้งแรก เมื่อปี ๒๕๖๔ นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากความร่วมมืออันใกล้ชิดระหว่าง กต. สอท.เดนมาร์กประจำประเทศไทย กรมควบคุมโรค และสถาบันวัคซีนแห่งชาติเดนมาร์ก (Statens Serum Institute) โดยวัคซีนดังกล่าวจะนำไปจัดสรรให้แก่ประชาชนไทยและชาวต่างชาติในประเทศไทยและบริเวณชายแดนไทย เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ดีขึ้น
๔. ความคืบหน้ากรณีหญิงไทยเสียชีวิตที่โอมาน
จากกรณีมีหญิงไทยเสียชีวิตโดยตกจากที่สูงในเขตมาเบลา (Mabela) กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน เมื่อวันที่ ๒๗ พ.ค. ที่ผ่านมา ขอเรียนแจ้งความคืบหน้าในการติดตามคดี ดังนี้
กต.ได้รับแจ้งจากนายสุวัฒน์ แก้วสุข ออท. ณ กรุงมัสกัต ว่าทาง สอท.ได้ประสานกับตำรวจโอมานอย่างใกล้ชิดเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี ซึ่งขณะนี้ จนท.ตร.ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้สอบสวนแล้ว และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม รวมทั้งได้เก็บรักษาร่างของผู้เสียชีวิตไว้เพื่อชันสูตร ภายหลังจากชันสูตรเสร็จแล้ว ตร.จะปล่อยร่างผู้เสียชีวิตออกมาเพื่อให้ สอท.ดำเนินการอำนวยความสะดวกในการนำส่งส่งร่างผู้เสียชีวิตกลับไทยต่อไป ทั้งนี้ ทาง สอท.ได้แจ้งให้ญาติของผู้เสียชีวิตรับทราบแล้ว และได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กต.โอมาน และ จนท.ตร.อย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามเร่งรัดคดีให้คืบหน้าโดยเร็ว
เมื่อวันที่ ๓๐ พ.ค. ๒๕๖๕ ออท.พร้อมด้วย จนท.จาก สอท. ได้เดินทางไปที่เขตมาเบลา เพื่อตรวจสอบอาคารที่เกิดเหตุซึ่งเป็นที่พักอาศัยของผู้เสียชีวิต และพบปะชุมชนไทยในย่านดังกล่าว สอท.เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำแก่คนไทยประมาณ ๖๐ คน พร้อมทั้งถามไถ่ทุกข์สุขและให้กำลังใจ โดย ออท.แจ้งว่า พร้อมเข้ามาช่วยเหลือและคลี่คลายปัญหาต่าง ๆ ของคนไทย และเปิดโอกาสให้สอบถามหรือขอคำแนะนำจาก สอท.ได้ทุกเรื่อง
นอกจากนี้ จากกรณีที่มีการรายงานข่าวว่ามีคนไทยถูกนายจ้างชาวโอมาน ทำร่ายร่างกายจนบาดเจ็บเสียชีวิตไปหลายคน สอท.ขอยืนยันว่าไม่เคยมีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นกับคนไทยในช่วง ๓ - ๔ ปีที่ผ่านมา
กต.จะรายงานความคืบหน้ากรณีนี้ให้ทราบต่อไป
๕. เตือนคนไทยที่จะเดินทางไปทำงานในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE)
กต.ขอเตือนอย่าหลงเชื่อโฆษณาชวนเชื่องานที่ให้ค่าจ้างที่สูงในระยะเวลาอันสั้น โดยผู้โฆษณาจะเป็นผู้จัดการค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้ก่อน และผู้เดินทางชำระหนี้ให้ภายหลังที่เดินทางถึง UAE
ผู้โฆษณามักใช้วิธีการออกค่าตั๋วเครื่องบิน และค่าวีซ่าให้ และให้ใช้วีซ่าท่องเที่ยวเพื่อเดินทางเข้า UAE และเมื่อเดินทางถึงแล้วก็ให้ลงนามในสัญญาการรับสภาพหนี้ (เป็นค่าแทรค)
เมื่อเดินทางถึงก็จะมีคนมารับที่สนามบินและพาไปทำงานในร้านนวดที่ลักลอบการขายบริการทางเพศ/ การพนันออนไลน์ พร้อมยึดหนังสือเดินทาง หากถูกจับ และถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย สอท./สกญ. ไม่สามารถก้าวก่ายกระบวนการทางกฎหมาย และยุติธรรมของทางการ UAE ได้
หากอยู่ในกระบวนการทางศาลจะไม่สามารถเรียกร้องสิทธิประโยชน์ใด ๆ ได้
หากพบว่าถูกหลอกให้มาค้าประเวณี ถูกกักขัง หน่วงเหนี่ยว ถูกทำร้ายร่างกาย สามารถกดหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน ๙๙๙ (กดโทรออกแม้จะไม่มีซิมการ์ด) ใน UAE เพื่อขอความช่วยเหลือต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีอำนาจจับกุม และช่วยเหลือได้ทันที ทั้งนี้ จนท.ตร.ต้องการให้ผู้เสียหายโทรศัพท์แจ้งด้วยตนเอง เพื่อทราบรายละเอียดและพิกัดจากโทรศัพท์ การแจ้งความต่อตำรวจต้องมีข้อมูล เช่นหนังสือเดินทาง วีซ่า พิกัดที่อยู่ หากเป็นการแจ้งความเท็จ ผู้แจ้งความอาจถูกดำเนินคดี
การค้าประเวณีใน UAE เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งมีโทษทั้งจำ ทั้งปรับ หรือตามที่ศาลพิจารณาและถูกเนรเทศ ผู้ที่เดินทางเข้า UAE ด้วยวีซ่าท่องเที่ยวและลักลอบการทำงาน มีโทษปรับ ๕๐,๐๐๐ ดีแรห์ม ประมาณ ๔๗๓,๐๐๐ บาท หากกระทำผิดซ้ำจะถูกปรับสองเท่า และถูกเนรเทศ หากไม่มีเงินค่าปรับให้รับโทษจำคุกแทนค่าปรับ
หากต้องการความช่วยเหลือ โปรดติดต่อ Hotline : สอท. ณ กรุงอาบูดาบี + 971-56-112-1348 Facebook : Royal Thai Embassy Abu Dhabi
๖. รายการบันทึกสถานการณ์ และ MFA Update
วันพฤหัสบดีที่ ๒ มิ.ย. ๒๕๖๕ เวลา ๐๘.๓๐ - ๐๘.๔๕ น. รายการ ?บันทึกสถานการณ์? ทาง FM 92.5 (ภาษาไทย) ได้สัมภาษณ์นายเจษฎา กตเวทิน ออท. ณ กรุงเวียงจันทน์ ในหัวข้อ ?นรม.ลาวเยือนไทย ก้าวใหม่ของความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ไทย - ลาว? สามารถรับชมย้อนหลังได้ทาง youtube ?MFA Thailand Channel?
วันศุกร์ที่ ๓ มิ.ย. ๒๕๖๕ เวลา ๐๘.๐๕ - ๐๘.๒๐ น. รายการ ?MFA Update? FM 88.0 (ภาษาอังกฤษ) จะสัมภาษณ์นายเจษฎา กตเวทิน ออท. ณ กรุงเวียงจันทน์ หัวข้อ "Prime Minister of the Lao PDR?s Visit to Thailand. A New Era of Strategic Partnership" สามารถรับชมย้อนหลังได้ทาง youtube ?MFA Thailand Channel?
๗. รายการเวทีความคิด
วันพฤหัสบดีที่ ๒ มิ.ย. ๒๕๖๕ เวลา ๒๐.๓๐ - ๒๐.๕๘ น. รายการ ?เวทีความคิด? ช่วงสายตรงจาก กต. จะสัมภาษณ์ รอธ.สารนิเทศ และรองโฆษก กต. ในหัวข้อ ?ไทยในเวทีโลก ปี ๒๕๖๕ : ๔๐๐ ปีความสัมพันธ์ไทย - เดนมาร์ก? สามารถรับฟังได้ทาง FM 96.5 หรือรับฟังย้อนหลังทาง youtube ?MFA Thailand Channel?
๘. รายการ Spokesman Live!!!
วันศุกร์ที่ ๓ มิ.ย. ๒๕๖๕ เวลา ๒๐.๐๐-๒๐.๓๐ น. ขอเชิญติดตามรายการ คุยรอบโลกกับโฆษก กต. - Spokesman Live!!! จะสัมภาษณ์นายสรจักร บูรณะสัมฤทธิ กสญ. ณ เมืองเจดดาห์ หัวข้อ ?เมืองเจดดาห์ ประตูสู่โอกาสใหม่ของคนไทย? สามารถติดตามชมได้ที่ Facebook ?กระทรวงการต่างประเทศ? และ ?Saranrom Radio?
ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ