เมื่อวันที่ ๒๐ - ๒๒ กันยายน ๒๕๖๕ นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก และคณะได้พบหารือกับหน่วยงานราชการของกัมพูชาที่กรุงพนมเปญและจังหวัดพระสีหนุ เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านการคมนาคมขนส่งระหว่างไทยกับกัมพูชามากยิ่งขึ้นเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เกื้อกูลกันและกัน
ในระหว่างการเยือนกรุงพนมเปญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออกได้พบหารือกับนายเชียง ปึจ อธิบดีกรมโลจิสติกส์ กระทรวงโยธาธิการและขนส่งของกัมพูชา เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนแม่บทด้านความเชื่อมโยงและโลจิสติกส์ของกัมพูชา (Intermodal Transport Connectivity & Logistics System Master Plan) ซึ่งให้ความสำคัญกับการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ตามแนวเส้นทาง ปอยเปต-กรุงพนมเปญ-สวายเรียง เพื่อเชื่อมโยงชายแดนด้านติดกับไทยกับชายแดนด้านติดกับเวียดนาม และเส้นทางกรุงพนมเปญ-จังหวัดพระสีหนุ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าทางทะเลที่ท่าเรือน้ำลึกจังหวัดพระสีหนุ โดยกำหนดให้กรุงพนมเปญ จังหวัดพระตะบอง จังหวัดเสียมราฐ และจังหวัดพระสีหนุ เป็นจุดหลักในการเปลี่ยนถ่ายสินค้า นอกจากนั้น กัมพูชายังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาและยกระดับระบบรางภายในประเทศ โดยเฉพาะระหว่างกรุงพนมเปญกับปอยเปต ตรงข้ามจังหวัดสระแก้วของไทย
ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเกี่ยวกับการเปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านหนองเอี่ยน - สตึงบท การยกระดับช่องทางธรรมชาติบ้านท่าเส้น - ทมอดา ให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร และโครงการปรับปรุงถนนหมายเลข ๖๗ (เสียมราฐ - อันลองเวลง - ช่องจอม/ช่องสะงำ) ซึ่งฝ่ายไทยให้ความช่วยเหลือทางการเงิน
ต่อมา คณะได้เดินทางเยือนจังหวัดพระสีหนุ โดยได้ทดลองใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (Motorway) กรุงพนมเปญ - จังหวัดพระสีหนุ ซึ่งเป็นทางหลวงพิเศษแห่งแรกของกัมพูชาที่เปิดใช้อย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม ๒๕๖๕ โดยช่วยลดระยะเวลาการเดินทางระหว่างกรุงพนมเปญ ? จังหวัดพระสีหนุ จาก ๔-๕ ชั่วโมง เหลือเพียงประมาณ ๓ ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าระหว่างกรุงพนมเปญกับท่าเรือน้ำลึกจังหวัดพระสีหนุ และจะเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของกัมพูชาในอนาคต
คณะได้เข้าเยี่ยมคารวะนายเอ็ม เพียบ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระสีหนุ เพื่อหารือเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดพระสีหนุ และความร่วมมือกับประเทศไทย และการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวชายฝั่งระหว่างไทย กัมพูชา และเวียดนาม ทั้งนี้ เศรษฐกิจของจังหวัดพระสีหนุมีการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ ๒-๓ ต่อปี มีภาคเศรษฐกิจสำคัญคืออุตสาหกรรมการผลิตและการท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไปจากจีนและเวียดนาม ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยมีจำนวนมากเป็นอันดับ ๙ นอกจากนั้น ยังมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง ทั้งท่าเรือน้ำลึก ทางหลวงพิเศษกรุงพนมเปญ-จังหวัดพระสีหนุ และการถนนจำนวน ๓๗ สายในจังหวัด ซึ่งแล้วเสร็จเมื่อปลายปี ๒๕๖๔
คณะได้พบหารือกับผู้บริหารของสถานที่สำคัญทางเศรษฐกิจในจังหวัดพระสีหนุได้แก่ (๑) ท่าเรือน้ำลึกจังหวัดพระสีหนุ ซึ่งเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าที่สำคัญที่สุดของกัมพูชาและมีความเชื่อมโยงกับไทย โดยกัมพูชากำลังพัฒนาท่าเรือแห่งนี้สามารถรองรับเรือขนส่งสินค้าที่มีขนาดใหญ่และสามารถรองรับตู้คอนเทนเนอร์สินค้าได้เพิ่มขึ้น (๒) เขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดพระสีหนุ ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกัมพูชา โดยเป็นการร่วมทุนระหว่างภาคเอกชนจีนกับกัมพูชา และเป็นหนึ่งในฐานการผลิตเพื่อการส่งออกที่สำคัญของกัมพูชา และ (๓) ท่าเรือคลังน้ำมันของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในเมืองเรียม จังหวัดพระสีหนุ ซึ่งรองรับการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเพื่อส่งต่อไปยังสถานีบริการน้ำมันประมาณ ๖๐๐ ล้านลิตรต่อปี โดย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายน้ำมันอันดับ ๓ ในกัมพูชา โดยมีสถานีบริการน้ำมันอยู่ในเกือบทุกจังหวัดของกัมพูชา
ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ