เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๕ นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานในพิธีเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปทอดถวาย ณ วัดบินาชุรีศมศานวิหาร เมืองจิตตะกอง สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ โดยมีพระสังฆราชญาณศรี มหาสถาวีร์ พระสังฆราชแห่งบังกลาเทศและเจ้าอาวาสวัดบินาชุรีศมศานวิหารเป็นประธานฝ่ายคณะสงฆ์ และมีนางมาฆวดี สุมิตรเหมาะ เอกอัครราชทูต ณ กรุงธากา ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงธากา พร้อมคู่สมรส นายอาร์มี ฮุมายุน มะห์มูด โชว์ดูรี กงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองจิตตะกอง ผู้แทนองค์กรบริหารท้องถิ่น ตลอดจนพุทธศาสนิกชนชาวบังกลาเทศกว่า ๕๐๐ คน เข้าร่วมพิธีด้วย
กระทรวงการต่างประเทศได้เชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายในต่างประเทศมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๘ อันเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานด้านการทูตเชิงวัฒนธรรม
การเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายในครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๔ ในสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ เนื่องในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับบังกลาเทศ โดยวัดบินาชุรีศมศานวิหารเป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในภาคจิตตะกอง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๒๓ นอกจากนี้ ยังเป็นที่ตั้งของสถาบันทางสังคมและการศึกษา ได้แก่ วิทยาลัย และสถานเด็กกำพร้า
การเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายในครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ ผู้เข้าร่วมพิธีทั้งชาวไทยและชาวบังกลาเทศต่างปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และเป็นโอกาสในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน อันแสดงให้เห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของทั้งสองประเทศที่มีวัฒนธรรมคล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีศรัทธาร่วมกันในพระบวรพุทธศาสนา ทั้งนี้ สามารถรวบรวมเงินบริจาค ซึ่งประกอบด้วยเงินพระราชทานบำรุงพระอารามจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เงินโดยเสด็จพระราชกุศลจากกระทรวงการต่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงธากา และเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ ๓๙๒,๐๙๐ บาท (๑,๐๓๑,๕๗๐ ตากา)
ภายหลังพิธีการเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานมอบเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าบินาชุรี ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณวัดบินาชุรีศมศานวิหาร เพื่อช่วยเหลือเด็กยากจน ซึ่งในปัจจุบันมีเด็กในความอุปการะจำนวนกว่า ๓๐ คน
ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ