กรุงเทพ--21 เม.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2551 นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเรื่องการประชุมว่าด้วยการค้าและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNCTAD) ครั้งที่ 12 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ กรุงอักรา สาธารณรัฐกานา ระหว่างวันที่ 20-25 เมษายน 2551 สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ ซึ่งหัวข้อหลักของการประชุม คือ วิเคราะห์โอกาสและความท้าทายของโลกาภิวัฒน์เพื่อการพัฒนา โดยมีหัวข้อย่อย 4 หัวข้อ ได้แก่ (1) ส่งเสริมความสอดคล้องในการกำหนดนโยบายระดับโลกเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและการลดปัญหาความยากจน รวมถึงการใช้ความร่วมมือระดับภูมิภาค (2) การค้าและการพัฒนาที่สำคัญ และความเป็นจริงที่เกิดขึ้นใหม่ในเศรษฐกิจโลก (3) ส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยในทุกระดับเพื่อสร้างขีดความสามารถในการผลิต การค้า และการลงทุน และ (4) สร้างความเข้มแข็งให้ UNCTAD ในบทบาทด้านการพัฒนา ผลกระทบและประสิทธิภาพของสถาบัน
2. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีหมายกำหนดการที่จะเข้าร่วมการประชุม UNCTAD ครั้งที่ 12 ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลกานา และเลขาธิการ UNCTAD โดยจะทรงเป็นองค์ปาฐกในหัวข้อเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการพัฒนา
3. ในระหว่างการประชุม ฝ่ายไทยจะเสนอหลักการเศรษฐกิจพอเพียงต่อที่ประชุมฯ ซึ่งประเด็นดังกล่าวได้มีอยู่ในรายงานของเลขาธิการ UNCTAD ต่อที่ประชุมฯ
4. นอกเหนือจากการเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ไทยยังได้มีส่วนสนับสนุนรัฐบาลกานา ในการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการประชุมระหว่างประเทศ โดยบริษัท N.C.C. Management and Development จำกัด ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ได้เดินทางไปให้คำแนะนำผู้บริหารจัดการศูนย์การประชุมของกานา ที่กรุงอักกรา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ภายหลังการแถลงข่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ตอบข้อซักถามต่อผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการเดินทางเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี (23-24 เมษายน 2551) สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. ไทยมีนโยบายที่จะไม่แทรกแซงการเมืองภายในของประเทศอื่น และหวังว่านโยบายการต่างประเทศของรัฐบาลมาเลเซียชุดใหม่จะยังไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ไทยจะยังคงดำเนินนโยบายการมีปฏิสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดีกับมาเลเซียต่อไป ทั้งนี้ ไทยเห็นว่าการเมืองท้องถิ่นจะต้องไม่กระทบถึงนโยบายการต่างประเทศ
2. ในส่วนของความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศนั้น ฝ่ายไทยให้ความสำคัญต่อความร่วมมือในกรอบแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) ความร่วมมือจากมาเลเซียในการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งสองฝ่ายจะดำเนินงานร่วมกันภายใต้กรอบของอาเซียน
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2551 นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเรื่องการประชุมว่าด้วยการค้าและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNCTAD) ครั้งที่ 12 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ กรุงอักรา สาธารณรัฐกานา ระหว่างวันที่ 20-25 เมษายน 2551 สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ ซึ่งหัวข้อหลักของการประชุม คือ วิเคราะห์โอกาสและความท้าทายของโลกาภิวัฒน์เพื่อการพัฒนา โดยมีหัวข้อย่อย 4 หัวข้อ ได้แก่ (1) ส่งเสริมความสอดคล้องในการกำหนดนโยบายระดับโลกเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและการลดปัญหาความยากจน รวมถึงการใช้ความร่วมมือระดับภูมิภาค (2) การค้าและการพัฒนาที่สำคัญ และความเป็นจริงที่เกิดขึ้นใหม่ในเศรษฐกิจโลก (3) ส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยในทุกระดับเพื่อสร้างขีดความสามารถในการผลิต การค้า และการลงทุน และ (4) สร้างความเข้มแข็งให้ UNCTAD ในบทบาทด้านการพัฒนา ผลกระทบและประสิทธิภาพของสถาบัน
2. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีหมายกำหนดการที่จะเข้าร่วมการประชุม UNCTAD ครั้งที่ 12 ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลกานา และเลขาธิการ UNCTAD โดยจะทรงเป็นองค์ปาฐกในหัวข้อเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการพัฒนา
3. ในระหว่างการประชุม ฝ่ายไทยจะเสนอหลักการเศรษฐกิจพอเพียงต่อที่ประชุมฯ ซึ่งประเด็นดังกล่าวได้มีอยู่ในรายงานของเลขาธิการ UNCTAD ต่อที่ประชุมฯ
4. นอกเหนือจากการเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ไทยยังได้มีส่วนสนับสนุนรัฐบาลกานา ในการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการประชุมระหว่างประเทศ โดยบริษัท N.C.C. Management and Development จำกัด ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ได้เดินทางไปให้คำแนะนำผู้บริหารจัดการศูนย์การประชุมของกานา ที่กรุงอักกรา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ภายหลังการแถลงข่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ตอบข้อซักถามต่อผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการเดินทางเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี (23-24 เมษายน 2551) สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. ไทยมีนโยบายที่จะไม่แทรกแซงการเมืองภายในของประเทศอื่น และหวังว่านโยบายการต่างประเทศของรัฐบาลมาเลเซียชุดใหม่จะยังไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ไทยจะยังคงดำเนินนโยบายการมีปฏิสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดีกับมาเลเซียต่อไป ทั้งนี้ ไทยเห็นว่าการเมืองท้องถิ่นจะต้องไม่กระทบถึงนโยบายการต่างประเทศ
2. ในส่วนของความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศนั้น ฝ่ายไทยให้ความสำคัญต่อความร่วมมือในกรอบแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) ความร่วมมือจากมาเลเซียในการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งสองฝ่ายจะดำเนินงานร่วมกันภายใต้กรอบของอาเซียน
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-