กรุงเทพ--24 เม.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2551 ในระหว่างการประชุมว่าด้วยการค้าและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNCTAD) ครั้งที่ 12 ณ กรุงอักรา สาธารณรัฐกานา นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้พบหารือกับนาย Kamal Nath รัฐมนตรีพาณิชย์และอุตสาหกรรมอินเดีย หัวหน้าคณะผู้แทนของอินเดียสำหรับการเข้าร่วมการประชุมฯ โดยทั้งสองได้หารือในประเด็นต่างๆ ได้แก่ การส่งเสริมความร่วมือทางเศรษฐกิจไทย-อินเดีย รวมถึงประเด็นด้านภูมิภาคและผล ประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะการที่ไทยจะดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในเดือนกรกฎาคม 2551
นาย Nath แสดงความยินดีที่ประชาธิปไตยได้กลับคืนสู่ประเทศไทย และกล่าวเน้นถึงหน้าที่ของอินเดีย ในการกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือกับไทยทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี และหวังว่านายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยจะสามารถเดินทางเยือนสาธารณรัฐอินเดียได้ในเร็วๆ นี้ โดยแม้ว่าทั้งสองประเทศจะมีความแตกต่างกันในหลายๆ ด้าน แต่ยังมีโอกาสสำหรับความร่วมมืออีกเป็นจำนวนมาก
ในด้านเศรษฐกิจ อินเดียประสงค์ที่จะขยายกรอบความตกลงการค้าเสรีไทย-อินเดีย รวมถึงเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า ไทยมีความยินดีที่อินเดียจะเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้น และว่า ขณะนี้มีบริษัทอินเดียลงทุนในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และมีอีกหลายแห่ง ที่แสดงความสนใจที่จะลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตเหล็กของไทย
รัฐมนตรีทั้งสองกล่าวว่า ประเทศไทยเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย โดยทั้งสองได้หารือถึงความเป็นไปได้ในการเพิ่มเที่ยวบินระหว่างกัน โดยใช้ประโยชน์จากนโยบายเปิดน่านฟ้า (Open Sky Policy) ของทั้งสองประเทศ ในส่วนของการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย หากทั้งสองฝ่ายสามารถหาข้อสรุปได้เร็วก็จะมีส่วนช่วยส่งเสริมการค้าระหว่างอินเดียกับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด ทั้งสองได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อการขึ้นราคาสินค้าและผลิตภัณฑ์อาหาร โดยเฉพาะข้าวโดยในฐานะที่ไทยและอินเดียเป็นผู้ส่งออกข้าวรายสำคัญ ทั้งสองจึงหารือถึงความเป็นไปได้ในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศผู้ส่งออกข้าว
ในประเด็นด้านภูมิภาค ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อสถานการณ์ในพม่า โดยในขณะที่พัฒนาการในพม่าถือเป็นเรื่องภายใน แต่ทั้งสองก็จะยังคงให้การสนับสนุนกระบวนการสมานฉันท์และประชาธิปไตยในพม่าต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2551 ในระหว่างการประชุมว่าด้วยการค้าและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNCTAD) ครั้งที่ 12 ณ กรุงอักรา สาธารณรัฐกานา นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้พบหารือกับนาย Kamal Nath รัฐมนตรีพาณิชย์และอุตสาหกรรมอินเดีย หัวหน้าคณะผู้แทนของอินเดียสำหรับการเข้าร่วมการประชุมฯ โดยทั้งสองได้หารือในประเด็นต่างๆ ได้แก่ การส่งเสริมความร่วมือทางเศรษฐกิจไทย-อินเดีย รวมถึงประเด็นด้านภูมิภาคและผล ประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะการที่ไทยจะดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในเดือนกรกฎาคม 2551
นาย Nath แสดงความยินดีที่ประชาธิปไตยได้กลับคืนสู่ประเทศไทย และกล่าวเน้นถึงหน้าที่ของอินเดีย ในการกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือกับไทยทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี และหวังว่านายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยจะสามารถเดินทางเยือนสาธารณรัฐอินเดียได้ในเร็วๆ นี้ โดยแม้ว่าทั้งสองประเทศจะมีความแตกต่างกันในหลายๆ ด้าน แต่ยังมีโอกาสสำหรับความร่วมมืออีกเป็นจำนวนมาก
ในด้านเศรษฐกิจ อินเดียประสงค์ที่จะขยายกรอบความตกลงการค้าเสรีไทย-อินเดีย รวมถึงเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า ไทยมีความยินดีที่อินเดียจะเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้น และว่า ขณะนี้มีบริษัทอินเดียลงทุนในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และมีอีกหลายแห่ง ที่แสดงความสนใจที่จะลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตเหล็กของไทย
รัฐมนตรีทั้งสองกล่าวว่า ประเทศไทยเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย โดยทั้งสองได้หารือถึงความเป็นไปได้ในการเพิ่มเที่ยวบินระหว่างกัน โดยใช้ประโยชน์จากนโยบายเปิดน่านฟ้า (Open Sky Policy) ของทั้งสองประเทศ ในส่วนของการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย หากทั้งสองฝ่ายสามารถหาข้อสรุปได้เร็วก็จะมีส่วนช่วยส่งเสริมการค้าระหว่างอินเดียกับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด ทั้งสองได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อการขึ้นราคาสินค้าและผลิตภัณฑ์อาหาร โดยเฉพาะข้าวโดยในฐานะที่ไทยและอินเดียเป็นผู้ส่งออกข้าวรายสำคัญ ทั้งสองจึงหารือถึงความเป็นไปได้ในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศผู้ส่งออกข้าว
ในประเด็นด้านภูมิภาค ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อสถานการณ์ในพม่า โดยในขณะที่พัฒนาการในพม่าถือเป็นเรื่องภายใน แต่ทั้งสองก็จะยังคงให้การสนับสนุนกระบวนการสมานฉันท์และประชาธิปไตยในพม่าต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-