เมื่อ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๖ องค์การนิทรรศการนานาชาติ (Bureau International des Expositions: BIE) จัดลงคะแนนเลือกตั้งเจ้าภาพ Specialised Expo 2027/2028 ในช่วงการประชุม BIE General Assembly ครั้งที่ ๑๗๒ ที่กรุงปารีส ซึ่งประเทศไทย โดยจังหวัดภูเก็ต ลงสมัคร พร้อม ๕ ประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ (มินนิโซตา) สเปน (มาลากา) อาร์เจนตินา (บาริโลเช่) และเซอร์เบีย (เบลเกรด) ซึ่งในส่วนของผลการลงคะแนนเสียง เซอร์เบีย ชนะเลือกตั้งเป็นเจ้าภาพจัด Expo Belgrade 2027 โดยประเทศไทยสามารถเข้าชิงได้ถึงรอบที่สอง
การรณรงค์หาเสียง Phuket Expo ตลอดเกือบสองปีที่ผ่านมาได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ-เอกชน-ประชาสังคม ทั้งในระดับชาติและท้องถิ่น กระทรวงการต่างประเทศจึงขอขอบคุณทุกภาคส่วนของไทยที่ได้ร่วมแรงร่วมใจสนับสนุนอย่างเต็มที่มาโดยตลอด แม้จังหวัดภูเก็ตจะยังไม่ได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ แต่ศักยภาพและจุดแข็งของทั้งจังหวัดและประเทศไทยได้เป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวางตลอดช่วงเวลาการรณรงค์หาเสียง และที่สำคัญ ได้สร้างพลัง และ mindset เรื่องความยั่งยืน โดยเฉพาะในหมู่เยาวชนในพื้นที่ที่จะเป็นผู้กำหนดทิศทางและอนาคตการพัฒนาจังหวัดและประเทศต่อไป
แม้การลงสมัครแข่งขันครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากการทำงานเกิดขึ้นภายใต้ข้อจำกัดและความท้าทายต่าง ๆ ประกอบกับมีผู้สมัครจำนวนมากที่สุดในประวัติการณ์ของงาน Specialised Expo ถึง ๕ ประเทศ แต่การลงสมัครของจังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้ถือเป็นก้าวที่สำคัญ โดยเฉพาะสำหรับการเตรียมความพร้อมในการลงสมัครครั้งต่อ ๆ ไป อีกทั้งกระบวนการเรียนรู้ในครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้จังหวัดอื่น ๆ ลุกขึ้นมานำเสนอศักยภาพและความเข้มแข็งของพื้นที่ให้นานาประเทศได้รับรู้
นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การที่จังหวัดภูเก็ตมุ่งมั่นตั้งใจเดินหน้าแผนการพัฒนาระยะยาวเพื่อให้ภูเก็ตเป็นหนึ่งในเมืองที่ยั่งยืนของโลก พร้อมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่เตรียมการไว้สำหรับ Phuket Expo ซึ่งรวมถึงศูนย์บริการการแพทย์แบบครบวงจรต่อไป เพื่อยกระดับจังหวัดภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลกด้วย
สุดท้ายนี้ ประเทศไทยขอขอบคุณทุกประเทศที่สนับสนุน Phuket Expo และขอแสดงความยินดีอีกครั้งกับเซอร์เบียในการลงสมัครครั้งแรกและได้เป็นเจ้าภาพจัด Expo Belgrade 2027 ซึ่งจะเป็นงาน Expo ครั้งแรกในภูมิภาคบอลข่าน โดยประเทศไทยพร้อมที่จะเข้าร่วมงาน เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ และต่อยอดความร่วมมือกับนานาประเทศในการบรรลุวาระโลกด้านความยั่งยืนในปี ค.ศ. ๒๐๓๐ ต่อไป
ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ