เมื่อวันที่ ๒๕ - ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๖ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของนายบุ่ย แทงห์ เซิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม และในโอกาสครบรอบ ๑๐ ปีของการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ไทย ? เวียดนาม ในปีนี้
ในการเยือนครั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าเยี่ยมคารวะนายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้พบหารือกับนายเล หว่าย จุง ประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม และนายบุ่ย แทงห์ เซิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม ทั้งสองฝ่ายย้ำถึงมิตรภาพที่ใกล้ชิดและความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน โดยเห็นว่า ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับเวียดนามมีความสำคัญต่อเสถียรภาพและการพัฒนาของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและภูมิภาคอาเซียนโดยรวม ไทยและเวียดนามจำเป็นต้องร่วมมือกันใกล้ชิดยิ่งขึ้นในช่วงเวลาที่สถานการณ์ระหว่างประเทศมีความเปลี่ยนผันอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันเกี่ยวกับแนวทางกระชับความร่วมมือระหว่างไทยกับเวียดนามในด้านต่าง ๆ รวมถึงการยกระดับความสัมพันธ์ไทย ? เวียดนามเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน (Comprehensive Strategic Partnership) เพื่อสะท้อนความสำคัญลำดับต้นที่ทั้งสองฝ่ายให้กับความสัมพันธ์ในการหารือวาระต่าง ๆ ทั้งสองฝ่ายได้สนับสนุนให้แลกเปลี่ยนการเยือนและการหารือระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน และการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมอย่างไม่เป็นทางการระหว่างไทยกับเวียดนาม ซึ่งเวียดนามจะเป็นเจ้าภาพปี ๒๕๖๗ นอกจากนั้น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เชิญนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม เยือนไทยด้วย
ในด้านความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายสนับสนุนให้มีความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นระหว่างกองทัพและหน่วยงานความมั่นคงของสองประเทศ รวมทั้งการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากกลไกความร่วมมือทวิภาคีที่มีอยู่แล้วในการจัดการปัญหาด้านความมั่นคงต่าง ๆ ร่วมกัน ได้แก่ ปัญหาการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) การลักลอบค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมข้ามชาติอื่น ๆ โดยเฉพาะการหลอกลวงออนไลน์
ในด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะผลักดันเพิ่มปริมาณการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ
(๑) ในส่วนของการค้า ทั้งสองฝ่ายยินดีต่อมูลค่าการค้าทวิภาคีที่เพิ่มขึ้นเป็น ๒๑,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีที่ผ่านมา และจะเดินหน้าอำนวยความสะดวกทางการค้า เพื่อบรรลุเป้าหมายการค้าทวิภาคีที่ ๒๕,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี ๒๕๖๘
(2) ในด้านการลงทุน ฝ่ายเวียดนามขอบคุณนักลงทุนจากไทยที่เข้ามาลงทุนในเวียดนามและมีส่วนสำคัญในการพัฒนาของเวียดนาม และยืนยันจะให้การสนับสนุนการลงทุนของไทยในเวียดนามอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน ไทยเป็นนักลงทุนต่างชาติอันดับ ๙ ในเวียดนาม นอกจากนี้ ฝ่ายไทยได้เชิญชวนฝ่ายเวียดนามให้ลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น
(3) ในด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น ด้วยการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินและการเชื่อมโยงการเดินทางทางบกระหว่างกัน รวมทั้งพัฒนาเส้นทางเดินเรือชายฝั่งไทย-กัมพูชา-เวียดนาม การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และการจัดการประชุมและนิทรรศการ (MICE) ระหว่างสองประเทศ
ในระยะต่อไป ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะสนับสนุนการนำแนวคิด ?Three Connects? ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นชอบในระหว่างอดีตประธานาธิบดีเวียดนามเยือนไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๕ไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับเวียดนาม ดังนี้
(๑) การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน (Connecting Supply Chains) ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะต่อยอดความเชื่อมโยงที่ใกล้ชิดระหว่างระบบเศรษฐกิจของไทยและเวียดนาม และแสวงหาแนวทางการเชื่อมโยงและขยายห่วงโซ่อุปทานระหว่างสองประเทศ
(๒) การเชื่อมโยงเศรษฐกิจท้องถิ่น (Connecting Local Economies) ทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยกับจังหวัดในภาคกลางและใต้ของเวียดนาม รวมทั้งจะส่งเสริมการเชื่อมโยงผู้ประกอบการระดับท้องถิ่นของสองประเทศ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม
(๓) การเชื่อมโยงนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Connecting Sustainable Growth Strategies) สองฝ่ายจะส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล และเศรษฐกิจสีเขียว มากยิ่งขึ้น
ในด้านความสัมพันธ์ระดับประชาชน ฝ่ายไทยจะสานต่อโครงการความร่วมมือเพื่อการพัฒนาของกรมความร่วมมือระหว่างประเทศในเวียดนาม และสนับสนุนการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษาและการเรียนการสอนภาษาไทยและภาษาเวียดนามในมหาวิทยาลัยของแต่ละฝ่าย เพื่อส่งเสริมมิตรภาพและความเข้าใจระหว่างเยาวชนสองประเทศ นอกจากนั้น จะสนับสนุนความร่วมมือในอุตสาหกรรมบันเทิง ผ่านกิจกรรมเสริมสร้างเครือข่ายและการจับคู่ทางธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการสองฝ่าย
ในประเด็นระดับภูมิภาค สองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนมุมมองต่อสถานการณ์ในระดับภูมิภาคที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจและมีความห่วงกังวลร่วมกัน โดยไทยและเวียดนามจะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อส่งเสริมความเป็นเอกภาพของอาเซียน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการรักษาสันติภาพและการพัฒนาในภูมิภาค
นอกจากนี้ ระหว่างการเยือน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบหารือกับทีมประเทศไทยประจำกรุงฮานอย ผู้แทนหอการค้าและอุตสาหกรรมไทยในเวียดนาม (ThaiCham) เพื่อรับฟังความเห็นของภาคเอกชนไทยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับเวียดนาม รวมถึงได้เข้าร่วมงานเปิดตัวการกลับมาให้บริการของสายการบินไทยในเส้นทางบินระหว่างไทยกับเวียดนามด้วย
ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ