วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ นายณัฐพล ขันธหิรัญ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานในพิธีเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ไปทอดถวาย ณ วัดเสิตตโบ (Setabo Pagoda) จังหวัดกันดาล ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีพระโกศลย์มุนีญาณ โปว ตุลา เจ้าอาวาสวัดเสิตตโบเป็นประธานฝ่ายสงฆ์
พิธีดังกล่าวมีนายเชิดเกียรติ อัตถากร เอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ และภริยา นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ หน่วยงานทีมประเทศไทย และครอบครัว ตลอดจนภาคเอกชนและชุมชนไทยในกัมพูชา รวมทั้งแขกผู้มีเกียรติฝ่ายกัมพูชา ได้แก่ นายกี โซะวันรัตนา (H.E. Dr. Khy Sovanratana) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา นายเนียะ ซ็อมโบร์ (H.E. Mr. Neak Sombor) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงธรรมการและศาสนา นายอัน ซกเคือน (Mr. An Sokkhoeun) ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา นายณุบ จันทารึท (H.E. Mr. Nup Chantarith) ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมการและศาสนา และพุทธศาสนิกชนชาวกัมพูชา เข้าร่วมรวมกว่า ๔,๐๐๐ คน
สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้จัดพิธีสมโภชผ้าพระกฐินพระราชทานตามประเพณีท้องถิ่นเมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ณ สถานเอกอัครราชทูตฯ โดยได้นิมนต์พระโกศลย์มุนีญาณ โปว ตุลา เจ้าอาวาสวัดเสิตตโบเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์และแสดงพระธรรมเทศนา
กฐินพระราชทานครั้งนี้สามารถรวบรวมเงินบริจาคซึ่งประกอบด้วยเงินพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เงินร่วมทำบุญจากกระทรวงการต่างประเทศและผู้มีจิตศรัทธาชาวไทยและชาวกัมพูชา รวมทั้งสิ้น ๒๗,๔๔๘ ดอลลาร์สหรัฐ และ ๙๑,๑๐๙,๖๐๐ เรียล (หรือรวมประมาณ ๑,๗๗๔,๙๙๒ บาท)
อนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศได้เชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดพระพุทธศาสนาในต่างประเทศตั้งแต่ปี ๒๕๓๘ รวมถึงกัมพูชาซึ่งได้มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำเกือบทุกปี จนถึงครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๒๓ โดยสลับกันระหว่างมหานิกายและธรรมยุติกนิกาย ในปีนี้สมเด็จพระอัครมหาสังฆราชาธิบดี เทพ วงศ์ สมเด็จพระสังฆราชแห่งมหานิกายได้โปรดให้วัตเสิตตโบเป็นวัดที่รับพระราชทานผ้าพระกฐิน
พิธีทอดผ้าพระกฐินพระราชทานครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ พุทธบริษัทต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงทำนุบำรุงบวรพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศรัทธาร่วมกันของประชาชนทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานด้านการทูตวัฒนธรรม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในระดับประชาชนสู่ประชาชนให้แน่นแฟ้นและใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น
ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ