เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-สหภาพยุโรป (อียู) (ASEAN-EU Ministerial Meeting ? AEMM) ครั้งที่ ๒๔ ณ กรุงบรัสเซลส์ เบลเยียม
ที่ประชุมได้ย้ำความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนความร่วมมืออาเซียน-อียูให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยส่งเสริมการหารือและบรรยากาศของความร่วมมือ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองภูมิภาค และของโลก รวมทั้งได้รับรองแถลงการณ์ร่วมฯ เพื่อเน้นย้ำเจตนารมณ์ร่วมกันในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์อาเซียน-อียูต่อไป
ในโอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีฯ ได้เน้นย้ำการดำเนินความร่วมมือของไทยและอาเซียนกับอียู ในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ใน ๓ ประเด็น ได้แก่ ๑) สนับสนุนให้อียูมีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในการขับเคลื่อนสันติภาพในภูมิภาคท่ามกลางความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเน้นการส่งเสริมการเจรจาที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมเพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและส่งเสริมบรรยากาศของความร่วมมือในภูมิภาค เพื่อให้อินโด-แปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่มีเสถียรภาพ ๒) ส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกันในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านโครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน การขนส่ง เทคโนโลยีดิจิทัล และห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเจรจา FTA ไทย-อียูที่มีคุณภาพและครอบคลุม รวมถึง FTA อาเซียน-อียูในอนาคต ๓) ผลักดันความร่วมมือวาระความยั่งยืนให้เป็นส่วนสำคัญของความสัมพันธ์อาเซียน-อียู เพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและบรรลุ SDGs โดยไทยในฐานะผู้ประสานงานอาเซียนเพื่อความร่วมมือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนจะขับเคลื่อนความร่วมมือในเรื่องนี้ต่อไป รวมทั้งใช้ประโยชน์จากศูนย์ ACSDSD ในกรุงเทพฯ
นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีฯ ได้แจ้งต่อที่ประชุมเกี่ยวกับข้อริเริ่มด้านความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมในเมียนมา และขอให้อียูสนับสนุนไทยในเรื่องนี้ ซึ่งจะเป็นก้าวแรกไปสู่การหารือและการปฏิสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์ระหว่างฝ่ายต่าง ๆ ในเมียนมาและระหว่างเมียนมากับประชาคมโลกต่อไป
การประขุมในครั้งนี้ได้ออกแถลงการณ์ร่วมเพื่อย้ำพันธกรณีร่วมกันในการส่งเสริมความสัมพันธ์อาเซียน-อียูในอนาคต ทั้งนี้ การประชุม AEMM ครั้งที่ ๒๔ เป็นการประชุมระดับรัฐมนตรี โดยมีประเทศสมาชิกอาเซียน และประเทศสมาชิกอียูทั้ง ๒๗ ประเทศ รวมทั้งเลขาธิการอาเซียน และผู้แทนระดับสูงของอียูด้านการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคงและรองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (HR/VP) เข้าร่วม
ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ