การแถลงข่าวและการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ที่กรุงปารีส

ข่าวต่างประเทศ Tuesday March 12, 2024 14:00 —กระทรวงการต่างประเทศ

เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๗ นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนางครองขนิษฐ รักษ์เจริญ อธิบดีกรมยุโรป ได้เข้าร่วมการกล่าวถ้อยแถลงและหารือระหว่างงานเลี้ยงรับรองอาหารกลางวันซึ่งนายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส จัดเลี้ยงเพื่อเป็นเกียรติแก่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ณ ทำเนียบประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส

ในช่วงการแถลงข่าว นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการเยือนฝรั่งเศสว่าเป็นการเยือนทวิภาคีอย่างเป็นทางการประเทศแรกในยุโรปนับตั้งแต่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไทยและฝรั่งเศสมีจุดยืนและวิสัยทัศน์ในการบริหารประเทศที่คล้ายคลึงกันในหลายเรื่อง เช่น การส่งเสริมประชาธิปไตย การสร้างโลกที่มีความมั่นคงและยั่งยืน และจุดยืนร่วมกันในการรักษาสันติภาพของโลก ตลอดจนเป้าหมายทางเศรษฐกิจ

ระหว่างการหารือ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เช่น การจับคู่ทางธุรกิจในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน การกระชับความร่วมมือด้านกลาโหม ความร่วมมือด้านพลังงานสะอาด ตลอดจนความร่วมมือด้านอากาศยานและเทคโนโลยีอวกาศ รวมทั้งการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม 8 ด้านในภูมิภาคของไทย ซึ่งฝรั่งเศสสามารถร่วมมือกับไทยได้

สำหรับนโยบายการเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์แห่งอนาคต (Future Mobility Hub) ของไทย นายกรัฐมนตรีประสงค์จะเห็นบริษัทยานยนต์ฝรั่งเศสที่ผลิตเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ไฟฟ้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น และเชิญชวนให้ฝรั่งเศสมาลงทุนในระบบขนส่งในประเทศไทย พร้อมทั้งแสดงความสนใจในเทคโนโลยีพลังงานสะอาดของฝรั่งเศส ในด้านแฟชั่นชั้นสูงซึ่งเป็นสาขาที่ฝรั่งเศสมีความโดดเด่น ไทยประสงค์จะเห็นดีไซน์เนอร์ไทยรุ่นใหม่มีผลงานมากขึ้น

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเกี่ยวกับการเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ไทย-สหภาพยุโรปซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มปริมาณการค้าสินค้าและบริการระหว่างไทยและฝรั่งเศส การยกเว้นวีซ่าเข้าเขตเชงเกนสำหรับหนังสือเดินทางธรรมดาของไทย และการสมัครเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development: OECD) ของไทย

ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ