เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม - ๒ เมษายน ๒๕๖๗ นายโสรัจ สุขถาวร เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง พร้อมด้วยนายธนวัต ศิริกุล รองอธิบดี รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสารนิเทศ ได้เยือนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) เพื่อหารือกับหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา และผู้แทนเยาวชนในพื้นที่เกี่ยวกับแนวทางในการร่วมสนับสนุนด้านการศึกษา การพัฒนา และวัฒนธรรม ตลอดจนการประชาสัมพันธ์ศักยภาพหลากหลายมิติของพื้นที่ให้กับต่างประเทศ
เอกอัครราชทูตประจำกระทรวงและคณะได้เข้าเยี่ยมคารวะ พล.ท. ปราโมทย์ พรหมอินทร์ แม่ทัพน้อย ภาค ๔ และรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค ๙ เพื่อรับทราบสถานการณ์ในพื้นที่และแลกเปลี่ยนความเห็นในการร่วมพัฒนา จชต. รวมถึงการส่งเสริมความเข้าใจอันดีกับต่างประเทศ
เอกอัครราชทูตประจำกระทรวงและคณะยังได้พบหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้แทนในภาควิชาการและภาคประชาสังคมในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในสามด้านหลัก ได้แก่ (๑) การศึกษา โดยพบหารือกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ (มนร.) มหาวิทยาลัยฟาฏอนี มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) (๒) การพัฒนาศักยภาพเยาวชน โดยได้หารือกับนายกเทศมนตรีเทศบาลนครยะลาที่ได้นำคณะเยี่ยมชม TK Park ยะลา และได้เยี่ยมสมาคมเด็กและเยาวชนเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ (กลุ่มลูกเหรียง) รวมทั้งพบหารือกับผู้แทนสมาคมฟ้าใสส่งเสริมสุขภาวะเด็กและเยาวชนชายแดนใต้ และสมาคมบัณฑิตและนักศึกษาอัสลาม มอ. และ (๓) การประชาสัมพันธ์สถานที่ที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ได้แก่ พิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัล-กุรอาน จังหวัดนราธิวาส และมัสยิดกรือเซะ จังหวัดปัตตานี
คณะได้รับทราบข้อมูลและศักยภาพในพื้นที่ซึ่งมีอยู่อย่างมาก และพร้อมนำไปต่อยอดเพื่อสนับสนุนส่งเสริมศักยภาพของพื้นที่ โดยกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการมาแล้วอย่างต่อเนื่อง อาทิ การรับนักศึกษาจาก จชต. เข้าฝึกงานที่กระทรวงฯ และการจัดโครงการเพื่อพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการประกอบอาชีพให้แก่นักศึกษาและเยาวชนจาก จชต. ที่กำลังศึกษาต่อในต่างประเทศ ทั้งนี้ เพื่อมุ่งพัฒนาศักยภาพของเยาวชนให้เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อการพัฒนาในพื้นที่ และมีส่วนร่วมส่งเสริมให้เกิดสันติสุขที่ยั่งยืนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป
ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ