กระทรวงการต่างประเทศแสดงความห่วงกังวลต่อสถานการณ์อิสราเอล-อิหร่าน และขอให้คนไทยเฝ้าระวังสถานการณ์

ข่าวต่างประเทศ Wednesday April 17, 2024 13:27 —กระทรวงการต่างประเทศ

ตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้แสดงความห่วงกังวลต่อสถานการณ์อิสราเอล-อิหร่าน และแจ้งเตือนคนไทยให้พิจารณางดเว้นการเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าว นั้น

กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจาก สอท. ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่ามีการโจมตีอิสราเอลด้วยโดรนและขีปนาวุธจำนวนมากในหลายทิศทาง โดยทางการอิสราเอลได้ประกาศเตรียมความพร้อมในการตั้งรับและสกัดการโจมตีดังกล่าว และทางการอิสราเอลได้ออกแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัย ตั้งแต่วันเสาร์ที่ ๑๓ เม.ย. ๒๕๖๗ เวลา ๒๓.๐๐ น. จนถึงวันจันทร์ที่ ๑๕ เม.ย. ๒๕๖๗ เวลา ๒๓.๐๐ น. โดยเฉพาะการจำกัดจำนวนการชุมนุมในจุดต่าง ๆ ของประเทศตามสถานการณ์ของพื้นที่

ปัจจุบัน มีคนไทยพำนักอยู่ในอิสราเอลประมาณ ๒๘,๐๐๐ คน และในอิหร่านประมาณ ๓๐๐ คน โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน ได้ติดต่อกับชุมชนไทยเพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับพัฒนาการของสถานการณ์เป็นระยะเสมอมา โดยขณะนี้ ยังไม่มีรายงานคนไทยในอิสราเอลและอิหร่านได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว

ประเทศไทยมีความห่วงกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง และขอให้ทุกฝ่ายยับยั้งชั่งใจเพื่อมิให้สถานการณ์ย่ำแย่ลง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยกระทรวงการต่างประเทศจะติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิด และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือคนไทยในพื้นที่กรณีจำเป็น

กระทรวงการต่างประเทศขอให้พี่น้องคนไทยทุกคนปลอดภัย โดยขอให้คนไทยทั้งในอิสราเอลและพื้นที่ใกล้เคียงเฝ้าระวังสถานการณ์ ติดตามข่าวสารของทางการท้องถิ่น และจากสถานเอกอัครราชทูตไทยทุกแห่ง โดยเฉพาะสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ

ในกรณีฉุกเฉินพี่น้องคนไทยสามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือเร่งด่วนได้ ดังนี้

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ:

หมายเลขฉุกเฉิน : +๙๗๒ ๕๔๖ ๓๖๘ ๑๕๐ และ +๙๗๒ ๕๐๓ ๖๗๓ ๑๙๕

อีเมล์ : thaiembassy.tav@mfa.go.th

เฟสบุ๊ก: www.facebook.com/thaiembassytelaviv (ทุกเรื่องเมืองยิว)

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน:

หมายเลขฉุกเฉิน : +๙๘ ๙๑๒ ๕๐๐ ๗๙๓๓ และ +๙๘ ๙๑๒ ๑๕๙ ๘๖๙๙

อีเมล์ : thaiembassy.thr@mfa.go.th

เฟสบุ๊ก: www.facebook.com/ThailandinIran

หรือ Call Center กรมการกงสุล ๐๒ ๕๗๒ ๘๔๔๒

ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ