เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์มาทรงเป็นประธานในพิธีเปิดงานเฉลิมพระเกียรติ ?๑๐๐ ปี พระบารมีปกเกล้าฯ เหล่านักเรียนไทย? ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวาระครบรอบ ๑๐๐ ปี ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอฯ ได้ทรงสำเร็จการศึกษาวิชาการทหารชั้นสูงจากโรงเรียนเสนาธิการทหาร (?cole de Guerre) ณ ฝรั่งเศส
ในโอกาสดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย และนายกสมาคมนักเรียนเก่าฝรั่งเศสในพระราชูปถัมภ์ ได้กราบบังคมทูลรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งได้ดำเนินพระราชกรณียกิจเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทย-ฝรั่งเศสด้วยความมุ่งมั่นเสมอมา ซึ่งนับเป็นหัวใจสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างทั้งสองประเทศ
ภายในงานได้มีการจัดการแสดงจินตลีลาเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งมีเนื้อหาบอกเล่าประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส ตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๓ (สมเด็จพระนารายณ์มหาราช) จนถึงปัจจุบัน รวมถึงได้มีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางการเมืองและความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส ภายใต้รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยสถาบันพระปกเกล้า
นอกจากนี้ ได้มีการจัดเสวนาระหว่างรับประทานอาหารเที่ยง โดยมี ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ศาสตราจารย์กิตติคุณ วิษณุ เครืองาม และศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ร่วมเสวนาเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส และเกร็ดที่น่าสนใจต่าง ๆ อาทิ การเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีที่ฝรั่งเศสของคณะราชทูตสยามในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และประวัติศาสตร์ภูมิปัญญาไทย-ฝรั่งเศส
การจัดงานดังกล่าวสะท้อนความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นด้านวัฒนธรรมและในระดับประชาชนระหว่างไทยกับฝรั่งเศสที่มีมาอย่างยาวนาน โดยทั้งสองประเทศจะเฉลิมฉลองการครบรอบ ๓๔๐ ปีของการติดต่อสัมพันธ์ครั้งแรกระหว่างสยามและฝรั่งเศสในปีหน้า
ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ