กรุงเทพ--13 พ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีมีกำหนดจะเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 15-17 พฤษภาคม 2551 โดยจะเยือนกรุงปักกิ่งระหว่างวันที่ 15-16 พฤษภาคม และนครกวางโจว ในวันที่ 16-17 พฤษภาคม
วัตถุประสงค์ของการเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เพื่อแนะนำตัวในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่ง สานต่อความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ใกล้ชิดกับจีน และยืนยันความต่อเนื่องด้านนโยบายของไทยต่อจีน นอกจากนี้ เพื่อใช้โอกาสที่ทั้งจีนและไท ยกำลังมีบทบาทในเวทีระหว่างประเทศ ให้เป็นประโยชน์ต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีนในอนาคต (จีนกำลังเป็นเจ้าภาพจัดงานกีฬาโอลิมปิกในเดือนสิงหาคม ส่วนไทยกำลังจะดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในเดือนกรกฎาคม)
ภารกิจสำคัญของนายกรัฐมนตรีในระหว่างการเยือนกรุงปักกิ่งประกอบด้วยการหารือข้อราชการกับนายหู จิ่นเทา ประธานาธิบดีจีน นายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน และนายหลิว ฉี ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกจีน รวมถึง การเยี่ยมชมสถานที่เปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีจะพบปะและมอบนโยบายแก่หัวหน้าสำนักงานส่วนราชการไทยในจีน รวมทั้งคนไทยในกรุงปักกิ่ง สำหรับที่นครกวางโจว จะหารือกับผู้ว่ามณฑลกวางตุ้ง ในเรื่องการค้าการลงทุนของไทยในมณฑลกวางตุ้ง เนื่องจากมณฑลกวางตุ้ง มีความสัมพันธ์กับไทยในระดับประชาชน (ญาติพี่น้องและบรรพบุรุษ) และการค้า โดยมณฑลกวางตุ้งเป็นแหล่งลงทุนและการค้าแห่งแรกๆ ของไทยในจีน ประกอบกับปัจจุบันการส่งออกผัก ผลไม้ไทย จะต้องผ่านมณฑลกวางตุ้งก่อนจะกระจายไปสู่มณฑลต่างๆ ของจีน
ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญที่นายกรัฐมนตรีจะหารือกับผู้นำจีนจะเป็นเรื่องการกระชับความสัมพันธ์ฉันมิตรที่แน่นแฟ้นอยู่แล้ว อันรวมถึงการเยือนในระดับพระราชวงศ์ การแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างผู้นำทางการเมืองของทั้งสองฝ่าย การยกระดับสำนักงานกงสุล และการแสดงความเข้าใจและเห็นใจจีนในประเด็นที่ละเอียดอ่อนต่างๆ สำหรับความร่วมมือไทย-จีนในปัจจุบันอยู่ภายใต้กรอบของแผนปฏิบัติการร่วมไทย-จีน (Joint Action Plan) ซึ่งมีความร่วมมือครอบคลุมทุกด้านจำนวน 15 สาขา ในระยะ 5 ปี (2550-2554) และภายใต้กรอบความร่วมมือนี้ ไทยและจีนสามารถที่จะขยายความร่วมมือในการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม ทั้งทางรถไฟซึ่งเชื่อมจากจีนผ่านลาวและไทยไปถึงพม่าได้ของหลายประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และเส้นทางการท่องเที่ยวในประเทศเหล่านี้ด้วย นอกจากนี้ จะมีการหารือในเรื่องการจัดหาปุ๋ยให้เกษตรกรไทย และการขยายตลาดสินค้าเกษตรของไทยในจีน โดยเฉพาะมณฑลกวางตุ้งด้วย
ประเทศไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2518 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศมีการพัฒนาที่ดีอย่างต่อเนื่อง และเป็นตัวอย่างที่ดีของความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับ ประเทศอื่นๆ ทั้งในด้านการเมือง ซึ่งต่างฝ่ายต่างมีความไว้ใจซึ่งกันและกัน สำหรับด้านเศรษฐกิจก็ได้พัฒนาความร่วมมือที่เอื้อประโยชน์ต่อกันมาโดยตลอด มูลค่าการค้า/การลงทุนไทย-จีนมีปริมาณที่เติบโตขึ้นสูงและมีศักยภาพที่จะพัฒนาขึ้นไปอีกมาก โดยในปี 2550 มูลค่าการค้า สองฝ่ายมีจำนวน 31,062 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 จากปี 2549) ขณะที่มูลค่าการลงทุนของจีนในไทยมีจำนวน 495 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เพิ่มขึ้น 6 เท่าตัวจากปี 2549) ส่วนการลงทุนของไทยในจีนมีจำนวน 89.48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ลดลงร้อยละ 39 จากปี 2549) ทั้งนี้ รัฐบาลไทย-จีนได้ร่วมกันตั้งเป้าหมายให้มูลค่าการค้ารวมเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2553
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีมีกำหนดจะเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 15-17 พฤษภาคม 2551 โดยจะเยือนกรุงปักกิ่งระหว่างวันที่ 15-16 พฤษภาคม และนครกวางโจว ในวันที่ 16-17 พฤษภาคม
วัตถุประสงค์ของการเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เพื่อแนะนำตัวในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่ง สานต่อความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ใกล้ชิดกับจีน และยืนยันความต่อเนื่องด้านนโยบายของไทยต่อจีน นอกจากนี้ เพื่อใช้โอกาสที่ทั้งจีนและไท ยกำลังมีบทบาทในเวทีระหว่างประเทศ ให้เป็นประโยชน์ต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีนในอนาคต (จีนกำลังเป็นเจ้าภาพจัดงานกีฬาโอลิมปิกในเดือนสิงหาคม ส่วนไทยกำลังจะดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในเดือนกรกฎาคม)
ภารกิจสำคัญของนายกรัฐมนตรีในระหว่างการเยือนกรุงปักกิ่งประกอบด้วยการหารือข้อราชการกับนายหู จิ่นเทา ประธานาธิบดีจีน นายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน และนายหลิว ฉี ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกจีน รวมถึง การเยี่ยมชมสถานที่เปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีจะพบปะและมอบนโยบายแก่หัวหน้าสำนักงานส่วนราชการไทยในจีน รวมทั้งคนไทยในกรุงปักกิ่ง สำหรับที่นครกวางโจว จะหารือกับผู้ว่ามณฑลกวางตุ้ง ในเรื่องการค้าการลงทุนของไทยในมณฑลกวางตุ้ง เนื่องจากมณฑลกวางตุ้ง มีความสัมพันธ์กับไทยในระดับประชาชน (ญาติพี่น้องและบรรพบุรุษ) และการค้า โดยมณฑลกวางตุ้งเป็นแหล่งลงทุนและการค้าแห่งแรกๆ ของไทยในจีน ประกอบกับปัจจุบันการส่งออกผัก ผลไม้ไทย จะต้องผ่านมณฑลกวางตุ้งก่อนจะกระจายไปสู่มณฑลต่างๆ ของจีน
ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญที่นายกรัฐมนตรีจะหารือกับผู้นำจีนจะเป็นเรื่องการกระชับความสัมพันธ์ฉันมิตรที่แน่นแฟ้นอยู่แล้ว อันรวมถึงการเยือนในระดับพระราชวงศ์ การแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างผู้นำทางการเมืองของทั้งสองฝ่าย การยกระดับสำนักงานกงสุล และการแสดงความเข้าใจและเห็นใจจีนในประเด็นที่ละเอียดอ่อนต่างๆ สำหรับความร่วมมือไทย-จีนในปัจจุบันอยู่ภายใต้กรอบของแผนปฏิบัติการร่วมไทย-จีน (Joint Action Plan) ซึ่งมีความร่วมมือครอบคลุมทุกด้านจำนวน 15 สาขา ในระยะ 5 ปี (2550-2554) และภายใต้กรอบความร่วมมือนี้ ไทยและจีนสามารถที่จะขยายความร่วมมือในการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม ทั้งทางรถไฟซึ่งเชื่อมจากจีนผ่านลาวและไทยไปถึงพม่าได้ของหลายประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และเส้นทางการท่องเที่ยวในประเทศเหล่านี้ด้วย นอกจากนี้ จะมีการหารือในเรื่องการจัดหาปุ๋ยให้เกษตรกรไทย และการขยายตลาดสินค้าเกษตรของไทยในจีน โดยเฉพาะมณฑลกวางตุ้งด้วย
ประเทศไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2518 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศมีการพัฒนาที่ดีอย่างต่อเนื่อง และเป็นตัวอย่างที่ดีของความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับ ประเทศอื่นๆ ทั้งในด้านการเมือง ซึ่งต่างฝ่ายต่างมีความไว้ใจซึ่งกันและกัน สำหรับด้านเศรษฐกิจก็ได้พัฒนาความร่วมมือที่เอื้อประโยชน์ต่อกันมาโดยตลอด มูลค่าการค้า/การลงทุนไทย-จีนมีปริมาณที่เติบโตขึ้นสูงและมีศักยภาพที่จะพัฒนาขึ้นไปอีกมาก โดยในปี 2550 มูลค่าการค้า สองฝ่ายมีจำนวน 31,062 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 จากปี 2549) ขณะที่มูลค่าการลงทุนของจีนในไทยมีจำนวน 495 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เพิ่มขึ้น 6 เท่าตัวจากปี 2549) ส่วนการลงทุนของไทยในจีนมีจำนวน 89.48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ลดลงร้อยละ 39 จากปี 2549) ทั้งนี้ รัฐบาลไทย-จีนได้ร่วมกันตั้งเป้าหมายให้มูลค่าการค้ารวมเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2553
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-