กระทรวงการต่างประเทศเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดกว่างจี้ กรุงปักกิ่ง เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗?
กระทรวงการต่างประเทศเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดกว่างจี้ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗?
วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๗ นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานในการเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปทอดถวาย ณ วัดกว่างจี้ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีพระมหาเถระเหยี่ยนเจว๋ เจ้าอาวาสวัดกว่างจี้ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์
พิธีดังกล่าวมีนายฉัตรชัย วิริยเวชกุล เอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง และมีนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ทีมประเทศไทยและครอบครัว ตลอดจนภาคเอกชนและชุมชนไทยในสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมทั้งแขกผู้มีเกียรติฝ่ายจีน อาทิ นาย Huang Zhihui ผู้อำนวยการสำนักงานทั่วไป สำนักงานกิจการศาสนาแห่งชาติ นาย Wu Jun ที่ปรึกษา กรมเอเชีย กระทรวงการต่างประเทศ นาย Long Xing เลขาธิการพุทธสมาคมจีน และพุทธศาสนิกชนชาวจีนเข้าร่วม
การเชิญผ้ากฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดกว่างจี้ กรุงปักกิ่ง ครั้งนี้ สามารถรวบรวมเงินบริจาคซึ่งประกอบไปด้วยเงินบำรุงพระอารามพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เงินบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลจากกระทรวงการต่างประเทศและผู้มีจิตศรัทธาชาวไทยและชาวจีน รวมทั้งสิ้น ๑๓๒,๔๔๐ หยวน (ประมาณ ๖๖๒,๒๐๐ บาท)
วัดกว่างจี้เป็นหนึ่งในวัดสำคัญในกรุงปักกิ่ง ก่อตั้งขึ้นในสมัยราชวงศ์จิน เป็นที่ตั้งของพุทธสมาคมและศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในสาธารณรัฐประชาชนจีน
อนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินโครงการเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดพุทธศาสนาในต่างประเทศมาตั้งแต่ปี ๒๕๓๘ และในปี ๒๕๖๗ ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลเป็นโครงการร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ โดยมีการเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดพุทธศาสนาใน ๙ ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน สปป.ลาว เมียนมา อินเดีย กัมพูชา เวียดนาม ศรีลังกา มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
พิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ พุทธศาสนิกชนต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงทำนุบำรุงพระบวรพุทธศาสนา นอกจากนี้ โครงการนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานด้านการทูตวัฒนธรรม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะระดับประชาชนสู่ประชาชนให้แน่นแฟ้นและใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นต่อไป
ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ