กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร และสำนักข่าว The Standard จัดงานเสวนาหัวข้อ “OCA ไทย - กัมพูชา: ข้อเท็จจริงและทางเลือก”

ข่าวต่างประเทศ Thursday January 30, 2025 14:41 —กระทรวงการต่างประเทศ

เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2568 กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร และสำนักข่าว The Standard จัดการเสวนาหัวข้อ ?OCA ไทย-กัมพูชา: ข้อเท็จจริงและทางเลือก? ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท กรุงเทพฯ โดยมีนายเชษฐพันธ์ มากสัมพันธ์ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวเปิดการเสวนา และมีผู้ร่วมเสวนาจากหลากหลายสาขา รวมถึงผู้แทนรัฐสภา กระทรวงการต่างประเทศ ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานในประเด็นนี้ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ร่วมให้ข้อมูลภูมิหลัง ข้อเท็จจริง และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมทั้งตอบคำถามหรือข้อสงสัยของผู้เข้าร่วมงาน

การเสวนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นการอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน (Overlapping Claims Area: OCA) ระหว่างไทยกับกัมพูชา ต่อสื่อและสาธารณชนทั้งไทยและต่างประเทศ รวมทั้งเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ เกี่ยวกับการดำเนินการของรัฐบาลในประเด็นดังกล่าวโดยผู้เข้าร่วมงานได้ทราบข้อมูลเชิงลึกในหลายแง่มุมเกี่ยวกับ OCA ทั้งเรื่องที่มาที่ไปและรายละเอียดที่สำคัญของบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน หรือที่เรียกกันว่า MOU 2544 กฎหมายระหว่างประเทศเกี่ยวกับเขตทางทะเล กลไกการเจรจา การดำเนินการของรัฐบาล บทบาทของรัฐสภา และความมั่นคงทางพลังงานของไทย ตลอดจนรับฟังข้อห่วงกังวลต่าง ๆ และมีการให้ข้อเสนอแนะในเรื่องนี้

ประเด็นที่น่าสนใจและมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในงานเสวนา อาทิ

(1) การดำเนินการภายในของคณะกรรมาธิการการต่างประเทศทั้งของรัฐสภา ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งคณะอนุกรรมาธิการและคณะทำงานเพื่อศึกษาและให้ข้อเสนอแนะเรื่องนี้เพิ่มเติม

(2) การมีส่วนร่วมของไทยในการจัดทำกฎหมายทะเลตั้งแต่แรกเริ่ม อันนำไปสู่อนุสัญญาเจนีวา ค.ศ. 1958 ทั้ง 4 ฉบับ และการเจรจาแบ่งเขตทางทะเลของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 6 ประเทศที่เกี่ยวข้อง ซึ่งยังเหลือเพียงการเจรจากับกัมพูชา ที่ยังไม่ได้เริ่มเจรจาอย่างจริงจัง

(3) ความแตกต่างระหว่างอธิปไตยกับสิทธิอธิปไตยเหนือเขตทางทะเล และประโยชน์ของ MOU 2544ในการกำหนดให้เจรจาแบ่งเขตทางทะเลเหนือเส้นละติจูด 11 องศาเหนือ เพราะเกาะกูดต้องมีทะเลอาณาเขต และเขตทางทะเลต่าง ๆ อย่างเหมาะสมตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ

(4) MOU 2544 ไม่ได้เป็นการยอมรับเส้นอ้างสิทธิของฝ่ายใด แต่อาจถูกมองได้ว่าเป็นการรับทราบถึงการมีอยู่ของเส้นอ้างสิทธิของแต่ละฝ่าย นอกจากนี้ การผูกโยงและเจรจาเรื่องการแบ่งเขตกับการพัฒนาพื้นที่ร่วมกันอาจมีข้อท้าทายในทางปฏิบัติ

(5) ก๊าซธรรมชาติสำรองของไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง และไม่มีการค้นพบแหล่งก๊าซใหม่ ๆ ตั้งแต่ปี 2548ทำให้ไทยต้องนำเข้าจากต่างประเทศมากขึ้น และคนไทยต้องแบกรับค่าไฟที่เพิ่มขึ้น นับเป็นวิกฤตทางพลังงานของไทยซึ่งการเจรจาตาม MOU 2544 เป็นกรอบและแนวทางที่ดี โดยหากเจรจาได้สำเร็จ จะนำไปสู่การเปิดให้มีการสำรวจแหล่งก๊าซใหม่ ๆ เพิ่มปริมาณก๊าซสำรอง และเกิดการลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจ

(6) ความสำคัญของการเจรจาโดยสันติวิธีผ่านการจัดทำความตกลงระหว่างกัน เพราะเส้นประกาศของแต่ละฝ่ายไม่ผูกพันประเทศอื่น โดย MOU 2544 ไม่ขัดกับพระบรมราชโองการประกาศเขตไหล่ทวีปฯ ของไทย ไม่ทำให้ไทยเสียเกาะกูด เป็นเพียงข้อตกลงให้ทั้งสองฝ่ายมาเจรจากันเท่านั้น

กระทรวงการต่างประเทศยืนยันคำมั่นที่จะดำเนินการเรื่อง OCA บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายภายในที่เกี่ยวข้อง โดยผลลัพธ์ของการเจรจาต้องเป็นที่ยอมรับของประชาชนและได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ดังที่ได้ปฏิบัติเช่นนี้ในการเจรจากับประเทศอื่น ๆ มาโดยตลอด ด้วยความโปร่งใสและเป็นมืออาชีพ และยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง

งานเสวนาครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง โดยมีผู้แทนจากภาครัฐ รัฐสภา สื่อมวลชน และภาควิชาการเข้าร่วมกว่า 100 คน ทั้งยังเปิดให้สาธารณชนได้รับชมผ่านทาง Facebook Live ด้วย ทั้งนี้ งานเสวนาโต๊ะกลมลักษณะนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรม Media Focus Group ที่กระทรวงการต่างประเทศจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงสื่อมวลชนและภาควิชาการ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนการสื่อสารที่สำคัญของกระทรวงฯ มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนนโยบายการต่างประเทศที่สำคัญ บนพื้นฐานของความรู้ความเข้าใจบนข้อเท็จจริง โดยกระทรวงฯ จะจัดกิจกรรมลักษณะนี้ต่อไป ในรูปแบบที่เข้าใจและเข้าถึงง่าย เพื่อคลี่คลายข้อสงสัยของสาธารณชน

ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ