กรุงเทพ--7 ก.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2551 นายนรชิต สิงหเสนี รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงต่อผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับข้อมติของที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยที่ 31 ที่เมืองไครสท์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2550 ว่า ที่มาของข้อมติดังกล่าวเกิดจากกัมพูชาได้ยื่นเสนอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว โดยได้เสนอแผนที่ประกอบซึ่งรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาต่างอ้างสิทธิ์ทับซ้อนกัน ซึ่งประธานในที่ประชุม ได้แก่ ประเทศนิวซีแลนด์ ได้หารือกับฝ่ายไทยและกัมพูชา และได้นำผลของการหารือดังกล่าว ไปแจ้งที่ประชุมและมีผลการประชุมดังแนบ ซึ่งสรุปได้ว่า ทุกฝ่ายเห็นด้วยกับคุณค่า สากลที่โดดเด่น ของปราสาทพระวิหาร แต่ว่ายังมีปัญหาที่ทำให้จำเป็นต้องเลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไป โดยให้กัมพูชายื่นเสนอขึ้นทะเบียนประสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกในที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยที่ 32 ที่นครควิเบก ประเทศแคนาดา และร้องขอให้กัมพูชาพัฒนาแผนบริหารและจัดการที่เหมาะสมให้มีความคืบหน้าต่อไป ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกรับทราบว่าปราสาทพระวิหารจำเป็นต้องได้รับการเอาใจใส่อย่างรีบด่วน และต้องการความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างไทยกับกัมพูชา
การประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยที่ 32 ซึ่งผู้แทนคณะกรรมการมรดกโลก 21 ประเทศ จะพิจารณาตัดสินในเรื่องนี้ โดยพิจารณาจากข้อมูลจากการประชุมฯ ครั้งที่ 31 และพัฒนาการหลังจากนั้นจนกระทั่งปัจจุบัน รวมทั้งแผนบริหารจัดการที่ฝ่ายกัมพูชาจะเสนอด้วย ต่อไป
ข้อมติคณะกรรมการมรดกโลก สมัยที่ 31 ที่เมืองไครสท์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ และคำแปลภาษาไทยอย่างไม่เป็นทางการ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2551 นายนรชิต สิงหเสนี รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงต่อผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับข้อมติของที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยที่ 31 ที่เมืองไครสท์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2550 ว่า ที่มาของข้อมติดังกล่าวเกิดจากกัมพูชาได้ยื่นเสนอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว โดยได้เสนอแผนที่ประกอบซึ่งรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาต่างอ้างสิทธิ์ทับซ้อนกัน ซึ่งประธานในที่ประชุม ได้แก่ ประเทศนิวซีแลนด์ ได้หารือกับฝ่ายไทยและกัมพูชา และได้นำผลของการหารือดังกล่าว ไปแจ้งที่ประชุมและมีผลการประชุมดังแนบ ซึ่งสรุปได้ว่า ทุกฝ่ายเห็นด้วยกับคุณค่า สากลที่โดดเด่น ของปราสาทพระวิหาร แต่ว่ายังมีปัญหาที่ทำให้จำเป็นต้องเลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไป โดยให้กัมพูชายื่นเสนอขึ้นทะเบียนประสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกในที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยที่ 32 ที่นครควิเบก ประเทศแคนาดา และร้องขอให้กัมพูชาพัฒนาแผนบริหารและจัดการที่เหมาะสมให้มีความคืบหน้าต่อไป ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกรับทราบว่าปราสาทพระวิหารจำเป็นต้องได้รับการเอาใจใส่อย่างรีบด่วน และต้องการความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างไทยกับกัมพูชา
การประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยที่ 32 ซึ่งผู้แทนคณะกรรมการมรดกโลก 21 ประเทศ จะพิจารณาตัดสินในเรื่องนี้ โดยพิจารณาจากข้อมูลจากการประชุมฯ ครั้งที่ 31 และพัฒนาการหลังจากนั้นจนกระทั่งปัจจุบัน รวมทั้งแผนบริหารจัดการที่ฝ่ายกัมพูชาจะเสนอด้วย ต่อไป
ข้อมติคณะกรรมการมรดกโลก สมัยที่ 31 ที่เมืองไครสท์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ และคำแปลภาษาไทยอย่างไม่เป็นทางการ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-