กรุงเทพ--11 ก.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2551 นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงข่าวการลาออกจากตำแหน่ง สรุปสาระสำคัญดังนี้
1. ผลงานของกระทรวงฯ ในช่วงการดำรงตำแหน่ง
การทำงานที่ผ่านมาห้าเดือนเศษ กระทรวงฯ และรัฐบาลไทยประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในด้านการต่างประเทศ ผ่านแนวทางการทูตเชิงรุกและการทูตที่รวดเร็ว กระทรวงฯ ได้เร่งฟื้นฟูภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของไทยในเวทีโลกกลับคืนมาภายหลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเมื่อปี 2549 จนความเชื่อมั่นจากประเทศพันธมิตรที่สำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และสหภาพยุโรป กลับคืนมา ประเทศไทยได้สร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นลาว พม่า กัมพูชา มาเลเซีย จนความสัมพันธ์กับประเทศเหล่านี้ดีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
นอกจากนั้น กระทรวงฯ ยังได้ทำให้บทบาทของไทยในเวทีโลกมีความโดดเด่นและได้รับการยอมรับ โดยเฉพาะการเป็นผู้นำร่วมกับอาเซียนและสหประชาชาติในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุไซโคลนนาร์กิสในประเทศพม่า รวมทั้งเตรียมความพร้อมการเป็นประธานอาเซียนในปลายเดือนกรกฎาคม ศกนี้
กระทรวงฯ มุ่งเน้นการทูตเพื่อเศรษฐกิจ โดยการแสวงหาโอกาสทางการค้าและการลงทุนให้กับคนไทย ผ่านทางสถานเอกอัครราชทูตซึ่งเปรียบเสมือนเป็นทัพหน้าของประเทศ มีการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลธุรกิจขึ้นที่สถานทูตไทยในจีนและสหภาพยุโรป ในส่วนของการปกป้องผลประโยชน์ของคนไทยในต่างแดน กระทรวงฯ กำลังเตรียมการที่จะจัดตั้งสถาบันหรือศูนย์ประชาไมตรีขึ้นที่กรุงเทพฯ เพื่อให้คำแนะนำแก่คนไทยในเกี่ยวกับกฎหมายด้านการเดินทางและการทำงานในต่างประเทศ
2. การดำเนินการของกระทรวงฯ กรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก
ปัญหาการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารของกัมพูชาเป็นปัญหาที่ตกค้างมาจากรัฐบาลที่แล้ว ซึ่งกระทรวงฯ จำเป็นต้องเร่งแก้ไขให้ได้ เพราะคำขอขึ้นทะเบียนฯ ของกัมพูชาในปี 2549 ได้รวมเอาพื้นที่ทับซ้อนที่ไทยอ้างอธิปไตยเข้าไว้ด้วย ถ้าหากมีการขึ้นทะเบียนฯ โดยรวมเอาพื้นที่ทับซ้อนเข้าไปด้วย ย่อมสุ่มเสี่ยงที่ไทยจะเสียอธิปไตยในพื้นที่ดังกล่าว
รัฐมนตรีว่าการฯ ยืนยันว่ากระทรวงฯ ดำเนินการในกรณีปราสาทพระวิหารอย่างดีที่สุด ด้วยความสุจริต โปร่งใส ปราศจากผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ แต่เป็นการทำหน้าที่เพื่อปกป้องดินแดนและอธิปไตยของไทยอย่างแข็งขัน โดยผ่านการหารือและเจรจาร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กรมเอเชียตะวันออก และกรมแผนที่ทหาร มีการดำเนินงานตามขั้นตอนอย่างรอบคอบ มีการนำเรื่องเสนอเข้าสู่สภาความมั่นคงแห่งชาติและได้รับการอนุมัติจากคณะ รัฐมนตรี กัมพูชาสามารถขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกได้เนื่องด้วยคุณสมบัติของตัวปราสาทเอง มิได้มาจากการสนับสนุนของไทยและแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา เนื่องจากไทยได้ขอไม่ให้นำแถลงการณ์ร่วมฯ เข้ามาพิจารณาในการประชุมครั้งนี้ นอกจากนี้ ยังได้ยืนยันการสงวนสิทธิ์ของไทยที่ระบุไว้ในหนังสือของพันเอกถนัด คอมันตร์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่ส่งถึงเลขาธิการสหประชาชาติในปี 2505 อีกด้วย
3. การลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการฯ
รัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวว่านับตั้งแต่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้มุ่งมั่นทำหน้าที่ด้วยความสุจริตและขยันขันแข็ง โดยมุ่งผลสำเร็จของงานเป็นที่ตั้งมาโดยตลอด แต่จากปัญหาที่เกิดขึ้น จึงขอแสดงสปิริตและความรับผิดชอบโดยการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
มีผลตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2551 เป็นต้นไป แม้จะไม่ได้ทำสิ่งใดผิดก็ตาม เนื่องจากประเทศชาติบ้านเมืองของเรามีความสำคัญกว่าตำแหน่งทางการเมือง และได้แจ้งให้นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ทราบการตัดสินใจในครั้งนี้แล้ว
รัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรี ข้าราชการกระทรวงฯ ทหารจากกรมแผนที่ทหาร ผู้บัญชาการทหารบก ในความเป็นมืออาชีพและความกล้าหาญที่จะยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง ขอบคุณประชาชนที่แสดงความเห็นใจและกำลังใจที่ได้รับ ขอบคุณสื่อมวลชนที่เขียนข่าวด้วยปัญญาและปราศจากอคติ
รัฐมนตรีว่าการฯ ยืนยันว่าจะทำงานต่อไป เพื่อประชาชน ความถูกต้อง ความเป็นธรรมความจริง เพื่อสถาบันชาติและมหากษัตริย์ หากต้องเสียสละทุกสิ่งเพื่อความถูกต้องและหลักการ ก็พร้อมจะต่อสู้ เพื่อประเทศชาติและประชาชนต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2551 นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงข่าวการลาออกจากตำแหน่ง สรุปสาระสำคัญดังนี้
1. ผลงานของกระทรวงฯ ในช่วงการดำรงตำแหน่ง
การทำงานที่ผ่านมาห้าเดือนเศษ กระทรวงฯ และรัฐบาลไทยประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในด้านการต่างประเทศ ผ่านแนวทางการทูตเชิงรุกและการทูตที่รวดเร็ว กระทรวงฯ ได้เร่งฟื้นฟูภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของไทยในเวทีโลกกลับคืนมาภายหลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเมื่อปี 2549 จนความเชื่อมั่นจากประเทศพันธมิตรที่สำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และสหภาพยุโรป กลับคืนมา ประเทศไทยได้สร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นลาว พม่า กัมพูชา มาเลเซีย จนความสัมพันธ์กับประเทศเหล่านี้ดีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
นอกจากนั้น กระทรวงฯ ยังได้ทำให้บทบาทของไทยในเวทีโลกมีความโดดเด่นและได้รับการยอมรับ โดยเฉพาะการเป็นผู้นำร่วมกับอาเซียนและสหประชาชาติในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุไซโคลนนาร์กิสในประเทศพม่า รวมทั้งเตรียมความพร้อมการเป็นประธานอาเซียนในปลายเดือนกรกฎาคม ศกนี้
กระทรวงฯ มุ่งเน้นการทูตเพื่อเศรษฐกิจ โดยการแสวงหาโอกาสทางการค้าและการลงทุนให้กับคนไทย ผ่านทางสถานเอกอัครราชทูตซึ่งเปรียบเสมือนเป็นทัพหน้าของประเทศ มีการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลธุรกิจขึ้นที่สถานทูตไทยในจีนและสหภาพยุโรป ในส่วนของการปกป้องผลประโยชน์ของคนไทยในต่างแดน กระทรวงฯ กำลังเตรียมการที่จะจัดตั้งสถาบันหรือศูนย์ประชาไมตรีขึ้นที่กรุงเทพฯ เพื่อให้คำแนะนำแก่คนไทยในเกี่ยวกับกฎหมายด้านการเดินทางและการทำงานในต่างประเทศ
2. การดำเนินการของกระทรวงฯ กรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก
ปัญหาการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารของกัมพูชาเป็นปัญหาที่ตกค้างมาจากรัฐบาลที่แล้ว ซึ่งกระทรวงฯ จำเป็นต้องเร่งแก้ไขให้ได้ เพราะคำขอขึ้นทะเบียนฯ ของกัมพูชาในปี 2549 ได้รวมเอาพื้นที่ทับซ้อนที่ไทยอ้างอธิปไตยเข้าไว้ด้วย ถ้าหากมีการขึ้นทะเบียนฯ โดยรวมเอาพื้นที่ทับซ้อนเข้าไปด้วย ย่อมสุ่มเสี่ยงที่ไทยจะเสียอธิปไตยในพื้นที่ดังกล่าว
รัฐมนตรีว่าการฯ ยืนยันว่ากระทรวงฯ ดำเนินการในกรณีปราสาทพระวิหารอย่างดีที่สุด ด้วยความสุจริต โปร่งใส ปราศจากผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ แต่เป็นการทำหน้าที่เพื่อปกป้องดินแดนและอธิปไตยของไทยอย่างแข็งขัน โดยผ่านการหารือและเจรจาร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กรมเอเชียตะวันออก และกรมแผนที่ทหาร มีการดำเนินงานตามขั้นตอนอย่างรอบคอบ มีการนำเรื่องเสนอเข้าสู่สภาความมั่นคงแห่งชาติและได้รับการอนุมัติจากคณะ รัฐมนตรี กัมพูชาสามารถขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกได้เนื่องด้วยคุณสมบัติของตัวปราสาทเอง มิได้มาจากการสนับสนุนของไทยและแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา เนื่องจากไทยได้ขอไม่ให้นำแถลงการณ์ร่วมฯ เข้ามาพิจารณาในการประชุมครั้งนี้ นอกจากนี้ ยังได้ยืนยันการสงวนสิทธิ์ของไทยที่ระบุไว้ในหนังสือของพันเอกถนัด คอมันตร์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่ส่งถึงเลขาธิการสหประชาชาติในปี 2505 อีกด้วย
3. การลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการฯ
รัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวว่านับตั้งแต่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้มุ่งมั่นทำหน้าที่ด้วยความสุจริตและขยันขันแข็ง โดยมุ่งผลสำเร็จของงานเป็นที่ตั้งมาโดยตลอด แต่จากปัญหาที่เกิดขึ้น จึงขอแสดงสปิริตและความรับผิดชอบโดยการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
มีผลตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2551 เป็นต้นไป แม้จะไม่ได้ทำสิ่งใดผิดก็ตาม เนื่องจากประเทศชาติบ้านเมืองของเรามีความสำคัญกว่าตำแหน่งทางการเมือง และได้แจ้งให้นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ทราบการตัดสินใจในครั้งนี้แล้ว
รัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรี ข้าราชการกระทรวงฯ ทหารจากกรมแผนที่ทหาร ผู้บัญชาการทหารบก ในความเป็นมืออาชีพและความกล้าหาญที่จะยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง ขอบคุณประชาชนที่แสดงความเห็นใจและกำลังใจที่ได้รับ ขอบคุณสื่อมวลชนที่เขียนข่าวด้วยปัญญาและปราศจากอคติ
รัฐมนตรีว่าการฯ ยืนยันว่าจะทำงานต่อไป เพื่อประชาชน ความถูกต้อง ความเป็นธรรมความจริง เพื่อสถาบันชาติและมหากษัตริย์ หากต้องเสียสละทุกสิ่งเพื่อความถูกต้องและหลักการ ก็พร้อมจะต่อสู้ เพื่อประเทศชาติและประชาชนต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-