นักกอรีหญิงไทยสร้างชื่อ คว้ารางวัลชนะเลิศประกวดอ่านคัมภีร์อัลกุรอานนานาชาติ

ข่าวกฏหมายและประกาศ Wednesday August 27, 2008 11:22 —กระทรวงการต่างประเทศ

เมื่อ 25 สิงหาคม 2551 ที่รัฐตรังกานู ประเทศมาเลเซีย ในพิธีปิดการแข่งขันอ่านคัมภีร์อัลกุรอานระหว่างประเทศ ครั้งที่ 50 (The 50th International Al-Quran Reciters Assembly) ภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย ประไหมสุหรี อากง (พระมเหสีของสมเด็จพระราชาธิบดีฯ) ได้พระราชทานรางวัลชนะเลิศการแข่งขันอ่านคัมภีร์อัลกุรอาน ประเภทหญิง ให้กับนางฟาติเมาะห์ หะระตี กอรีอะห์ (นักอ่านคัมภีร์หญิง) ตัวแทนประเทศไทยจากจังหวัดยะลา ประกอบด้วยถ้วยพระราชทานชนะเลิศและรางวัลเงินสดประมาณ 280,000 บาท ในการแข่งขันประเภทนี้ มีกอรีอะห์จากประเทศต่างๆ 40 ประเทศเข้าร่วมการแข่งขัน รวมทั้งจากมาเลเซีย ประเทศเจ้าภาพ ซึ่งได้รับรางวัลที่ 2

ในโอกาสเดียวกัน นายประเสริฐ บัลบาห์ นักกอรี (นักอ่านคัมภีร์ชาย) ตัวแทนประเทศไทย จากกรุงเทพฯ ก็ได้รับรางวัลที่ 10 ในการแข่งขันอ่านคัมภีร์อัลกุรอานประเภทชาย ซึ่งมีนักกอรีจาก 49 ประเทศเข้าร่วมการแข่งขัน โดยได้รับรางวัลเงินสดประมาณ 40,000 บาท

การแข่งขันอ่านคัมภีร์อัลกุรอานระหว่างประเทศ (The International Al-Quran Reciters Assembly) ถือเป็นการแข่งประกวดอ่านคัมภีร์อัลกุรอานระดับนานาชาติที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในโลกมุสลิม ได้จัดติดต่อกันมาเป็นเวลา 50 ปีแล้ว ตั้งแต่มาเลเซียได้รับเอกราชไม่นาน โดยสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซียทุกพระองค์ที่ผ่านมา ได้ทรงรับการแข่งขันดังกล่าวไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์และเสด็จฯ เป็นองค์ประธานเปิดงานทุกครั้ง ประเทศไทยในฐานะมิตรประเทศเพื่อนบ้าน ก็ได้ส่งนักกอรีทีมชาติไทยเข้าร่วมการแข่งขันดังกล่าวอย่างต่อเนื่องทุกปี นักกอรีไทยจากสมาคมกอรีแห่งประเทศไทย ในความอุปถัมภ์ของจุฬาราชมนตรี ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย โดยได้รับพระราชทานรางวัลชนะเลิศจากสมเด็จพระราชาธิบดีมาเลเซียมาแล้วถึง 7 ครั้ง เช่น นางฟาตีเมาะห์ฯ กอรีอะห์หญิงไทย ผู้ชนะเลิศในปีนี้เอง ก็เคยได้รับพระราชทานรางวัลชนะเลิศจากสมเด็จพระราชาธิบดีมาเลเซียมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2537 ทำให้ความสามารถของนักกอรีไทยมุสลิมเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในโลกมุสลิม ดังจะเห็นได้ว่า นอกจากการเชิญ นักกอรีทีมชาติไทยเข้าร่วมการแข่งขันแล้ว ผู้จัดงานฝ่ายมาเลเซียยังได้เชิญให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชาวไทยมุสลิมเข้าร่วมการตัดสินทุกปี โดยในปีนี้ นายสุรินทร์ ดาราฉาย ได้รับเชิญเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิร่วมตัดสิน

กระทรวงการต่างประเทศเห็นว่าสมาคมกอรีแห่งประเทศไทยและนักกอรีไทยได้ไปสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติในต่างแดน ให้ประชาคมโลกมุสลิมได้ทราบถึงมาตรฐานคุณวุฒิทางวิชาการของนักกอรีไทย ตลอดจนถึงสภาพสังคมไทยที่มีเสรีภาพและเปิดกว้างในการนับถือศาสนา จึงได้ให้การสนับสนุนกิจกรรมของสมาคมกอรีแห่งประเทศไทยอย่างต่อเนื่องทุกปี และก่อนการไปแข่งขันครั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2551 อิหม่ามสนิท เอี่ยมฤทธิ์ นายกสมาคมฯ ได้นำคณะของสมาคมฯ พร้อมกับนักกอรีทีมชาติไทยทั้ง 2 ท่าน เข้าเยี่ยมคารวะนายเตช บุนนาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และได้ขอบคุณที่กระทรวงการต่างประเทศและสถานทูตสถานกงสุลไทย ในต่างแดนให้การสนับสนุนสมาคมฯ ด้วยดี อีกทั้งนายนิรันดร์ บุญจิต รองกงสุลใหญ่ รักษาราชการแทนกงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู ก็ได้ให้การต้อนรับและเดินทางไปให้กำลังใจนักกอรีทีมชาติไทยในการแข่งขันครั้งนี้ด้วย

นักกอรีทีมชาติไทยทั้ง 2 ท่าน จะเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ นำรางวัลกลับมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในช่วงค่ำของวันที่ 26 สิงหาคม 2551 กระทรวงการต่างประเทศขอแสดงความยินดีกับนักกอรีทั้ง 2 ท่าน และสมาคมกอรีแห่งประเทศไทย ที่ประสบความสำเร็จในการนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนกิจกรรมของสมาคมกอรีแห่งประเทศไทยเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยต่อไป

กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--

-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ