กรุงเทพ--30 ก.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2551 นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงข่าวผ่านทางโทรศัพท์เกี่ยวกับภารกิจในโอกาสเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ สมัยที่ 63 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 26 กันยายน- 2 ตุลาคม 2551 สรุปสาระสำคัญ ได้ดังนี้
1. การประชุมอย่างไม่เป็นทางการระดับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า ในการประชุมฯประเทศสมาชิกอาเซียนได้แสดงความยินดีต่อไทยในการเข้ารับตำแหน่งประธานอาเซียน ขณะที่ไทยได้ชี้แจงต่อที่ประชุมฯ เกี่ยวกับการทำงานของไทยในฐานะประธานอาเซียน และการเตรียมการในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน ระหว่างวันที่ 13-18 ธันวาคม 2551 ที่กรุงเทพฯ โดยยืนยันถึงความพร้อมของไทยในการดำเนินการต่างๆ ซึ่งที่ประชุมฯ ได้แสดงความเชื่อมั่นต่อการเป็นประธานอาเซียนของไทย
ไทยและกัมพูชาได้รายงานความคืบหน้าต่อที่ประชุมฯ เกี่ยวกับความพยายามของทั้งสองประเทศในการแก้ปัญหาในบริเวณชายแดนใกล้ปราสาทพระวิหาร ตามที่ที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่สิงคโปร์ได้ตกลงไว้เมื่อเดือนกรกฎาคม 2551 โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวในที่ประชุมฯ ว่าไทยจะยึดหลักการเจรจาระดับทวิภาคีเป็นกลไกสำคัญในการแก้ปัญหานี้ ซึ่งเป็นที่พอใจต่อคณะรัฐมนตรีอาเซียน
ในส่วนของฝ่ายกัมพูชา ได้มีการกล่าวถึงเรื่องสถานการณ์เพิ่มเติมอีก 2 จุด คือ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวจะได้นำไปหารือกันอีกครั้งในประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งต่อไป
2. การหารือระหว่างคณะรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน กับเลขาธิการสหประชาชาติ และประธานสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญที่ 63
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวว่า ในระหว่างการหารือร่วมกันระหว่างนายบัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ สาธุคุณ มิเกล เดสโคโต บร็อคมาน สมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 63 และคณะรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน นอกเหนือจากการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับสหประชาชาติแล้ว ยังได้มีการหารือ เกี่ยวกับปัญหาในบริเวณชายแดนใกล้ปราสาทพระวิหารด้วย โดยไทยได้แสดงจุดยืนว่าจะยึดหลักการหารือระดับทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา เป็นกลไกสำคัญในการแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่งเลขาธิการสหประชาชาติแสดงความเห็นพ้องกับไทย โดยเห็นว่าการเจรจาระดับทวิภาคีเป็นกลไกสำคัญในการแก้ปัญหานี้
ในโอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับเรื่องการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) โดยได้กล่าวว่า เพื่อไม่ให้เกิดการติดขัดในการเจรจาระหว่างสองฝ่าย และเพื่อไม่ให้ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 190 จึงจำเป็นที่จะต้องนำกรอบการหารือของฝ่ายไทย เข้ารัฐสภาเพื่อให้พิจารณาอนุมัติก่อน โดยจะเร่งดำเนินการหลังจากที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว นอกจากนี้ ยังได้กล่าวด้วยว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี กำหนดจะเดินทางเยือนกัมพูชา ในวันที่ 13 ตุลาคม 2551 เพื่อหารือกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในการร่วมมือกันแก้ไขปัญหาที่คั่งค้างระหว่างไทย-กัมพูชาในกรอบทวิภาคีต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2551 นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงข่าวผ่านทางโทรศัพท์เกี่ยวกับภารกิจในโอกาสเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ สมัยที่ 63 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 26 กันยายน- 2 ตุลาคม 2551 สรุปสาระสำคัญ ได้ดังนี้
1. การประชุมอย่างไม่เป็นทางการระดับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า ในการประชุมฯประเทศสมาชิกอาเซียนได้แสดงความยินดีต่อไทยในการเข้ารับตำแหน่งประธานอาเซียน ขณะที่ไทยได้ชี้แจงต่อที่ประชุมฯ เกี่ยวกับการทำงานของไทยในฐานะประธานอาเซียน และการเตรียมการในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน ระหว่างวันที่ 13-18 ธันวาคม 2551 ที่กรุงเทพฯ โดยยืนยันถึงความพร้อมของไทยในการดำเนินการต่างๆ ซึ่งที่ประชุมฯ ได้แสดงความเชื่อมั่นต่อการเป็นประธานอาเซียนของไทย
ไทยและกัมพูชาได้รายงานความคืบหน้าต่อที่ประชุมฯ เกี่ยวกับความพยายามของทั้งสองประเทศในการแก้ปัญหาในบริเวณชายแดนใกล้ปราสาทพระวิหาร ตามที่ที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่สิงคโปร์ได้ตกลงไว้เมื่อเดือนกรกฎาคม 2551 โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวในที่ประชุมฯ ว่าไทยจะยึดหลักการเจรจาระดับทวิภาคีเป็นกลไกสำคัญในการแก้ปัญหานี้ ซึ่งเป็นที่พอใจต่อคณะรัฐมนตรีอาเซียน
ในส่วนของฝ่ายกัมพูชา ได้มีการกล่าวถึงเรื่องสถานการณ์เพิ่มเติมอีก 2 จุด คือ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวจะได้นำไปหารือกันอีกครั้งในประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งต่อไป
2. การหารือระหว่างคณะรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน กับเลขาธิการสหประชาชาติ และประธานสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญที่ 63
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวว่า ในระหว่างการหารือร่วมกันระหว่างนายบัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ สาธุคุณ มิเกล เดสโคโต บร็อคมาน สมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 63 และคณะรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน นอกเหนือจากการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับสหประชาชาติแล้ว ยังได้มีการหารือ เกี่ยวกับปัญหาในบริเวณชายแดนใกล้ปราสาทพระวิหารด้วย โดยไทยได้แสดงจุดยืนว่าจะยึดหลักการหารือระดับทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา เป็นกลไกสำคัญในการแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่งเลขาธิการสหประชาชาติแสดงความเห็นพ้องกับไทย โดยเห็นว่าการเจรจาระดับทวิภาคีเป็นกลไกสำคัญในการแก้ปัญหานี้
ในโอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับเรื่องการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) โดยได้กล่าวว่า เพื่อไม่ให้เกิดการติดขัดในการเจรจาระหว่างสองฝ่าย และเพื่อไม่ให้ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 190 จึงจำเป็นที่จะต้องนำกรอบการหารือของฝ่ายไทย เข้ารัฐสภาเพื่อให้พิจารณาอนุมัติก่อน โดยจะเร่งดำเนินการหลังจากที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว นอกจากนี้ ยังได้กล่าวด้วยว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี กำหนดจะเดินทางเยือนกัมพูชา ในวันที่ 13 ตุลาคม 2551 เพื่อหารือกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในการร่วมมือกันแก้ไขปัญหาที่คั่งค้างระหว่างไทย-กัมพูชาในกรอบทวิภาคีต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-