ประเทศไทยประท้วงกัมพูชาละเมิดอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย

ข่าวต่างประเทศ Friday October 17, 2008 13:23 —กระทรวงการต่างประเทศ

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2551 เวลา 18.30 น. หลังจากเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาภายในเขตแดนไทยในช่วงบ่าย นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้เชิญนาย Ouk Sophoin อุปทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยเข้าพบเพื่อยื่นบันทึกช่วยจำประท้วงการที่กัมพูชาละเมิดอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และรุกรานประเทศไทย

ปลัดกระทรวงฯ แจ้งอุปทูตกัมพูชาฯ ว่า นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รู้สึกแปลกใจเมื่อได้ทราบว่านายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ยื่นคำขาดให้ฝ่ายไทยถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ที่ติดกับปราสาทพระวิหาร ไม่เช่นนั้นกัมพูชาอาจจะตัดสินใจใช้กำลัง ภายหลังเดินทางกลับจากการเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการในวันที่ 13 ตุลาคม 2551 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกำลังทหารไทยดังกล่าวอยู่ภายในดินแดนของไทย ฝ่ายไทยจึงไม่สามารถปฏิบัติตามคำขอของกัมพูชาได้ เมื่อพ้นกำหนดของคำขาดดังกล่าวและคำขาดอื่นๆ ที่ตามมา รัฐบาลไทยมองในแง่ดีว่าสถานการณ์คงจะผ่านไปได้โดยไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น

ไทยจึงรู้สึกเศร้าสลดและตกตะลึงเมื่อทหารกัมพูชาได้ระดมยิงใส่ทหารไทยโดยไม่มีสาเหตุ ซึ่งเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนไทย รวมทั้งถือเป็นการรุกรานไทยของกัมพูชา เพื่อเป็นการประท้วงอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวข้างต้นของทหารกัมพูชา ปลัดกระทรวงฯ จึงได้ยื่นบันทึกช่วยจำต่ออุปทูตกัมพูชาฯ ซึ่งมีใจความสำคัญ ดังนี้

1. เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2551 ช่วงเวลาประมาณ 14.25 - 14.30 น. ทหารไทยซึ่งกำลังลาดตระเวนอย่างสันติตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในดินแดนไทยใกล้ภูมะเขือ ได้ถูกทหารกัมพูชาระดมยิงด้วยเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี และปืนกลเบา ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 5 นาย ทหารไทยจึงได้ยิงตอบโต้อันเป็นการใช้สิทธิในการป้องกันตัว ตามที่ระบุในข้อ 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ

2. รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยถือว่าการรุกล้ำดินแดนไทยโดยทหารกัมพูชาที่กล่าวถึงข้างต้น รวมทั้งการยิงทหารไทย เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยอย่างร้ายแรง และเป็นการกระทำการรุกรานอันขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดแจ้ง

3. รัฐบาลไทยยืนยันพันธกรณีที่จะร่วมมือกับกัมพูชาอย่างใกล้ชิดภายใต้กรอบคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก (เจบีซี) ที่มีอยู่ และไทยได้ย้ำในหลายโอกาสว่า ข้อพิพาทชายแดนระหว่างกัมพูชากับไทยจะสามารถแก้ไขโดยสันติได้ดีที่สุดโดยวิธีการทวิภาคี อย่างไรก็ดี การตัดสินใจของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาที่จะใช้กำลัง โดยขัดต่อข้อผูกพันที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศได้ตกลงกันที่เมืองเสียมราฐ และอำเภอชะอำ ที่จะใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุดนั้น เป็นสิ่งที่สมควรถูกประณาม

4. ในการนี้ รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยจึงขอประท้วงอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวข้างต้นของทหารกัมพูชา และขอให้รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาถอนทหารออกจากดินแดนไทยโดยทันทีพร้อมกับรับรองว่าเหตุการณ์ในทำนองนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต

ในโอกาสนี้ ปลัดกระทรวงฯ ได้ขอให้อุปทูตกัมพูชาฯ ส่งต่อข้อความดังกล่าวข้างต้นไปยังกรุงพนมเปญ และได้แสดงความหวังว่าการพบกันเป็นกรณีพิเศษของกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) ในวันที่ 21 ตุลาคม 2551 และในระดับปฏิบัติการ ซึ่งเปลี่ยนกำหนดจัดในวันที่ 16 ตุลาคม 2551 นี้ จะเปิดโอกาสให้มีผู้บัญชาการทหารในท้องถิ่นที่เข้าร่วม ได้สืบหาถึงสาเหตุของการปะทะที่เกิดขึ้น และหาวิถีทางป้องกันเหตุการณ์ที่บ่อนทำลายความพยายามในการแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจาในกรอบทวิภาคีโดยสันติวิธี ไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต

กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--

-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ