ด้วยในปีนี้เป็นโอกาสครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับสาธารณรัฐตุรกี ซึ่งประเทศไทยกับตุรกีได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2501 กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐตุรกีประจำประเทศไทย จะจัดการสัมมนาเรื่อง “Determinants of the Turkish Foreign Policy: Continuity and Changes” ขึ้น โดยมี ดร. มนัสพาสน์ ชูโต ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2551 ระหว่างเวลา 17.00 — 18.15 น. ณ ห้องนราธิป และงานเลี้ยงรับรองระหว่างเวลา 18.15 - 20.30 น. ณ บริเวณโถงประวัติศาสตร์ หน้าห้องวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ
ในปี 2551 นี้ รัฐบาลของทั้งสองประเทศ โดยเอกอัครราชทูตของประเทศไทยประจำตุรกีคนปัจจุบัน คือ นางสาวกันยา ใจมั่น และเอกอัครราชทูตตุรกีประจำประเทศไทย คือ นาย ?inar Aldermir (ชือนาร์ อัลเดมีร์) ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับสาธารณรัฐตุรกี ดังนี้
(1) การจัดทำแสตมป์ที่ระลึกซึ่งได้ออกจำหน่ายแล้วเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2551
(2) การแลกเปลี่ยนการเยือนของคณะผู้สื่อข่าว โดยฝ่ายไทยได้ส่งคณะผู้สื่อข่าวจำนวน 6 คนไปตุรกีระหว่างวันที่ 18-25 พฤษภาคม 2551 และคณะผู้สื่อข่าวตุรกีได้เดินทางมาเยือนไทยระหว่างวันที่ 15-20 มิถุนายน 2551
(3) การแสดงทางวัฒนธรรมโดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอังการา ได้จัดการแสดงดนตรีและนาฏศิลป์ไทยจากคณะดุริยางคศิลป์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่กรุงอังการา และนครอิสตันบูลเมื่อวันที่ 25 และ 27 มิถุนายน 2551 ตามลำดับ
(4) การจัดสัมมนาทางวิชาการเรื่อง “Determinants of the Turkish Foreign Policy: Continuity and Changes” โดย Assoc. Prof. Dr. ?agri Erhan จากศูนย์วิจัยแห่งคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอังการา ประเทศตุรกี ซึ่งกรมยุโรปร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตตุรกีประจำประเทศไทยจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2551 ระหว่างเวลา 17.00-18.15 น. และตามด้วยงานเลี้ยงรับรอง ระหว่างเวลา 18.30 - 20.30 น. โดยมีการแสดงของคณะนักดนตรีและนักร้องจากตุรกี ณ โถงประวัติศาสตร์ วิเทศสโมสร ในค่ำวันเดียวกัน โดยมีผู้แทนคณะทูตต่างประเทศประจำไทย หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งสถาบันการศึกษา สื่อมวลชนและผู้สนใจเข้าร่วม
สำหรับความสัมพันธ์โดยภาพรวมระหว่างประเทศไทยกับตุรกีเป็นความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด และมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ และคณะกรรมการร่วมภาคธุรกิจ ในด้านความสัมพันธ์ทางการค้า ตุรกีถือเป็นตลาดที่สำคัญของไทยโดยเฉพาะตลาดอาหารฮาลาล ในปัจจุบัน ตุรกีเป็นตลาดส่งออกลำดับที่ 28 ของไทยในตลาดโลก ในปี 2550 การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 906.21 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ (ไทยส่งออก 812.69 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ ไทยนำเข้า 93.52 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ และไทยได้ดุล 719.17 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นจากเมื่อปี 2549 ร้อยละ 1.46
ในด้านความร่วมมือด้านการศึกษา ตุรกีได้ให้ทุนการศึกษาในระดับมัธยม อุดมศึกษา และทุนเพื่อการวิจัยให้แก่นักเรียนและนักศึกษาของไทย โดยปัจจุบัน มีนักศึกษาไทยศึกษาอยู่ในตุรกีประมาณ 20 คน นอกจากนี้ รัฐบาลตุรกีได้มอบทุนการศึกษาแก่นักศึกษาจาก 4 จังหวัดภาคใต้ ผ่านทางมูลนิธิมิตรภาพไทย — ตุรกี ซึ่งมีสมเด็จพระเจ้า ลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เป็นองค์ประธานกิตติมศักดิ์
ในกรอบความสัมพันธ์พหุภาคี ตุรกีได้แสดงความประสงค์ที่จะภาคยานุวัติ Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia (TAC) ของกลุ่มประเทศอาเซียน โดยนาย Ali Babacan (อาลี บาบาคัน) รมว.กต.ตุรกี ได้เข้าพบนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.กต. ในระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์กเพื่อยื่นหนังสือแสดงความประสงค์ที่จะภาคยานุวัติ TAC ต่อไทยในฐานะประธานอาเซียนเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2551
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--