เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2552 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ประจำภูมิภาคยุโรปและเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อมอบนโยบายในการทำงานแก่เอกอัครราชทูต กงสุญใหญ่ และอุปทูต 28 ท่านที่ประจำการในประเทศยุโรป 21 ประเทศ และในประเทศเมดิเตอร์เรเนียน 4 ประเทศ ได้แก่ โมรอกโก อียิปต์ จอร์แดน และอิสราเอล
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงบรรยากาศต่างๆ ในประเทศ ในด้านการเมือง ถือได้ว่าประเทศไทยได้กลับสู่ภาวะปกติและมีความมั่นคงเป็นลำดับ กลไกรัฐสภากลับเข้าสู่ระบบ เห็นได้จากการรับรองเอกสารอาเซียน 39 ฉบับ รัฐบาลในฐานะประธานอาเซียนเล็งผลสำเร็จจากการประชุมสุดยอดอาเซียนปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นมีนาคมและมีความเป็นไปได้ที่ประเทศต่างๆ จะสามารถประชุมอาเซียน+6 ในเดือนเมษายน 2552 รัฐบาลให้ความสำคัญกับประเด็นเรื่องความปรองดองและสมานฉันท์ในประเทศ โดยได้เริ่มกระบวนการหารือกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในเรื่องการปฏิรูปการเมือง และจะเน้นการทำงานในเรื่องการรักษาและบังคับใช้กฎหมาย โดยจะมีการเดินหน้าเรื่องการดำเนินคดีที่สำคัญที่คั่งค้างมานานอย่างโปร่งใสและตรงไปตรงมา
ในด้านเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีแจ้งที่ประชุมว่า โครงสร้างทางการเงินการคลังของไทยยังคงเข้มแข็ง แต่วิกฤตการเงินโลกทำให้อำนาจซื้อของตลาดสำคัญของไทยหดตัวลงรัฐบาลต้องปรับนโยบายต่างๆ ทั้งด้านการเงินและการคลัง เพื่อรองรับวิกฤต โดยในชั้นนี้พยายามเพิ่มอำนาจการซื้อของคนไทย เชื่อว่าจะช่วยให้เศรษกิจในประเทศหมุนเวียนและลดภาวะปัญหาเลิกจ้างงานได้ ในการกำหนดมาตรการต่างๆ รัฐบาลได้หารือกับทุกภาคส่วนของสังคม นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติเป็นเรื่องสำคัญ ขณะนี้ ได้ขอให้กระทรวงแรงงานฯ ป้องกันปัญหาการประท้วงของพนักงานโรงงานต่างๆ ไม่ให้เกินขอบเขต นายกรัฐมนตรีฯ ขอให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ในภูมิภาคมีความมั่นใจและเร่งทำการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในเชิงรุก ทั้งนี้ ตนกำลังจะเดินทางไปประชุม World Economic Forum ที่เมืองดาวอส และจะมีโอกาสพูดเรื่องเศรษฐกิจในภาพรวมของไทย การท่องเที่ยว การเกษตร และเป็นโอกาสดีที่จะไปพบปะผู้นำประเทศอื่นๆ และสื่อมวลชนต่างประเทศสำคัญๆ ด้วย
ในเรื่องปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จำนวนความถี่ของเหตุการณ์รุนแรงลดลงเป็นสัญญาณที่ดี แต่รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
ที่ประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ ให้ความเห็นว่า ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคยุโรปมีความยินดีที่ไทยกลับสู่ภาวะปกติและมีรัฐบาลที่มาจากระบอบรัฐสภา รัฐบาลประเทศตะวันตกมีความพอใจที่รัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยไม่ใช้ความรุนแรง และเห็นว่าเป็นเรื่องดีที่หัวหน้ารัฐบาลพร้อมเปิดกว้างรับปัญหาและสามารถอธิบายประเด็นต่างๆ ต่อสื่ออย่างชัดเจน ในยุโรปตะวันออก ภาพลักษณ์ของไทยยังดีอยู่มากและหลายประเทศเห็นว่า นับเป็นโชคดีของชาวไทยที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของประเทศ
การประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ประจำภูมิภาคยุโรป จะมีต่อไปถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 โดยในวันสุดท้าย ที่ประชุมจะสรุปรายงานให้นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อนำความเห็นและข้อเสนอรายงานต่อรัฐบาลเพื่อพิจารณาต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--