เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2552 คณะทูตกลุ่มประเทศคณะมนตรีความมั่นคงรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) 6 ประเทศ ได้แก่ กาตาร์ โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน คูเวต และซาอุดีอาระเบีย ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ณ กระทรวงการต่างประเทศ
ทั้งสองฝ่ายได้หารือหลายประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศ GCC ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ได้แก่ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการลงทุน การส่งเสริมการท่องเที่ยว ตลอดจนความร่วมมือในการแก้ไขสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งต่อคณะทูต GCC เกี่ยวกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยและดำริของนายกรัฐมนตรีในการเดินทางเยือนภูมิภาคตะวันออกกลางเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นต่อการค้าและการลงทุนในประเทศไทย โดยหวังว่า ไทยและกลุ่มประเทศ GCC จะส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเพื่อประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เชิญชวนให้กลุ่มประเทศ GCC นำเงินรายได้จากน้ำมัน (Petro dollars) เข้ามาลงทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ หรือเมกาโปรเจก ในไทย
เอกอัครราชทูตรัฐกาตาร์ได้ขอให้ไทยยืดระยะเวลาการพำนักในไทยสำหรับผู้ที่ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราจากกลุ่มประเทศ GCC เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางมาท่องเที่ยวไทย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรับที่จะนำไปหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และได้ชักชวนให้ประชาชนของกลุ่มประเทศ GCC เดินทางมาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในไทย ซึ่งเอกอัครราชทูตรัฐกาตาร์แจ้งว่า อัธยาศัยไมตรีของคนไทยทำให้ชาวตะวันออกกลางเลือกที่จะมาท่องเที่ยวในประเทศไทยอยู่แล้ว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหวังว่า ไทยในฐานะผู้สังเกตการณ์ขององค์การการประชุมอิสลาม (OIC) จะได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกลุ่มประเทศ GCC ดังที่ผ่านมา ในการประชุม OIC ที่กรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย ในเดือนพฤษภาคม ศกนี้ ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าเป็นเรื่องที่ฝ่ายการเมืองต้องรับผิดชอบ และแจ้งถึงการดำเนินการในพื้นที่ในการส่งเสริมความยุติธรรม การพัฒนาด้านสังคมและเศรษฐกิจ และการที่ฝ่ายความมั่นคงดำเนินกิจกรรมด้านพลเรือนให้มากขึ้น กลุ่มประเทศ GCC ขานรับต่อนโยบายดังกล่าว และแจ้งความประสงค์ที่จะเข้าไปดูสถานการณ์ในพื้นที่ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรับที่จะประสานงานให้ต่อไป
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือถึงความร่วมมือในกรอบอาเซียน — GCC ซึ่งประเทศบาห์เรนได้เสนอเป็นเจ้าภาพการประชุมระหว่างองค์กรระดับภูมิภาคทั้งสองที่จะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
กลุ่มประเทศ GCC มีน้ำมันสำรองร้อยละ 37 ของโลก ก๊าซธรรมชาติ ร้อยละ 17 ของโลก ประเทศไทยนำเข้าน้ำมันส่วนใหญ่จากกลุ่มประเทศ GCC และนักท่องเที่ยวกลุ่มประเทศ GCC เดินทางมาท่องเที่ยวไทย 2-3 แสนคนทุกปี
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--