รัฐมนตรีต่างประเทศเยือนระนอง มุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ผู้หลบหนีเข้าเมือง และจัดระบบแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย

ข่าวต่างประเทศ Tuesday March 10, 2009 15:04 —กระทรวงการต่างประเทศ

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2552 นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศพร้อมคณะจากกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงมหาดไทย ได้ลงเยือนพื้นที่ในจังหวัดระนอง ตามบัญชาของนายกรัฐมนตรีที่ให้คณะรัฐมนตรีออกไปรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชน มอบนโยบายต่อส่วนราชการ และติดตามการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในต่างจังหวัด ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศกษิต ภิรมย์ ได้รับมอบหมายให้ดูแล 2 จังหวัดคือ ระนอง และเพชรบูรณ์

ในช่วงเช้า รัฐมนตรีต่างประเทศได้ประชุมร่วมกับนายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง และหัวหน้าส่วนราชการของจังหวัดที่โรงแรม ทินิดี แอ็ท ระนอง หลังจากนั้น รัฐมนตรีต่างประเทศและคณะ พร้อมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ได้ไปพบกับสมาชิกรัฐสภาในพื้นที่ ผู้แทนหน่วยราชการในพื้นที่ หน่วยงานการปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคธุรกิจเอกชน ภาคประชาชน และกลุ่มอาสาสมัครต่างๆ ของระนอง รวมประมาณ 1,500 คน ที่อาคารโรงยิมเนเซียม สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง เพื่อชี้แจงและติดตามนโยบายรัฐบาลในพื้นที่ ซึ่งผู้เข้าร่วมได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและชี้แจงประเด็นปัญหาต่างๆ อย่างกว้างขวาง ครอบคลุมประเด็นทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัด การพัฒนาการท่องเที่ยว การจัดสร้าง ปรับปรุง และใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากโครงสร้างพื้นฐานเช่น ถนนและท่าเรือ และการก่อสร้างเขื่อนตามฝั่งแม่น้ำแนวชายแดนไทย-พม่า รัฐมนตรีต่างประเทศได้เน้นย้ำถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาวิชาชีพของคนในท้องที่ เพื่อมุ่งพัฒนาจังหวัดระนองเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์พิเศษและเจาะตลาดเฉพาะ (niche market) สำหรับผู้ที่รักสุขภาพและธรรมชาติ โดยใช้ประโยชน์จากน้ำแร่และน้ำพุร้อนในระนอง สำหรับการพัฒนาระนองให้เป็นศูนย์กลางการส่งสินค้าทางทะเลอันดามันนั้น รัฐมนตรีต่างประเทศรับจะนำไปศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยในประเทศต่างๆ ในแถบมหาสมุทรอินเดียเช่น พม่า บังกลาเทศและอินเดีย เพื่อเพิ่มปริมาณการนำเข้าและส่งออกสินค้าผ่านท่าเรือระนองได้

สำหรับเรื่องแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายจากประเทศพม่า รัฐมนตรีต่างประเทศเห็นว่า จะต้องมีการจัดระเบียบการนำเข้าแรงงานพม่าอย่างถูกกฎหมายเพื่อรองรับความต้องการของแรงงานในประเทศไทยและในจังหวัดระนองเอง โดยน่าจะมีการจัดการจับคู่ความต้องการระหว่างแรงงานต่างชาติที่ต้องการทำงานกับผู้ประกอบการที่ต้องการแรงงานอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ จะได้หยิบยกเรื่องดังกล่าว รวมทั้งประเด็นความร่วมมือด้านอื่นๆ ระหว่างไทยและพม่า ที่จะมีผลกระทบต่อจังหวัดระนอง ขึ้นหารือกับรัฐบาลพม่าระหว่างที่รัฐมนตรีต่างประเทศจะไปเยือนพม่าวันที่ 23 มีนาคมนี้ด้วย

ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน รัฐมนตรีต่างประเทศได้ไปสังเกตการณ์การลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในจังหวัดระนอง ตามนโยบายรัฐบาล แล้วไปตรวจเยี่ยมด่านตรวจคนเข้าเมืองระนองและได้พูดคุยกับผู้หลบหนีเข้าเมืองทางทะเลชาวโรฮิงญาที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ด่าน โดยได้ยืนยันว่า ไทยกำลังประสานงานและหารือกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยประจำสหประชาชาติ (UNHCR) และประเทศต่างๆ ในภูมิภาค รวมทั้งกับรัฐบาลพม่าอย่างใกล้ชิด เพื่อหาทางออกในเรื่องนี้

ในโอกาสนี้ ด่านตรวจคนเข้าเมืองระนองได้จัดให้รัฐมนตรีต่างประเทศและคณะได้ สังเกตการณ์กระบวนการส่งกลับแรงงานต่างด้าวชาวพม่าที่ลักลอบเข้าประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย ที่ท่าเทียบเรือศุลกากรระนอง ซึ่งเป็นภารกิจประจำของหน่วยราชการที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องตามกระบวนการตามกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองของไทย ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศได้ยืนยันต่อชาวพม่ากลุ่มดังกล่าว ก่อนที่จะถูกส่งตัวทางเรือกลับไปยังจังหวัดเกาะสองของพม่าว่า จะเร่งผลักดันการจัดระบบและขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวอย่างถูกกฎหมายเพื่อให้ชาวพม่าสามารถเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทยได้ในอนาคตโดยไม่ต้องลักลอบเข้ามาอีก และจะหารือลู่ทางช่วยพัฒนาสภาพในพื้นที่ในพม่า โดยร่วมมือกับรัฐบาลพม่าด้วย

ระหว่างที่คณะอยู่ในระนอง ผู้แทนภาคประชาสังคม อาทิ นายสัน ขุนภักดี ตัวแทนชาวบ้านจากเกาะหาดทรายดำ และนายวิรัช สมภพศุภนาถ ผู้จัดการโครงการภายใต้มูลนิธิส่งเสริมการพัฒนาบุคคล ได้เข้าเยี่ยมรัฐมนตรีต่างประเทศเป็นการส่วนตัว เพื่อขอบคุณที่รัฐมนตรีต่างประเทศได้มีบทบาทระดมทุนให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 6 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิ มาตั้งแต่ต้นปี 2548 เมื่อยังดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตันอยู่ ตัวแทนองค์การภาคประชาสังคมได้แจ้งพัฒนาการในการทำงาน ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ของประชาชน โดยเฉพาะการประกอบอาชีพประมง และการดูแลเด็กชาวเลกลุ่มต่างๆ ที่ยังไม่ได้สัญชาติไทย ทั้งในด้านโภชนาการ สุขอนามัย และอื่นๆ ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศรับจะให้ความช่วยเหลือในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--

-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ