1. การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) สมัยวิสามัญ ที่สำนักนายกรัฐมนตรี กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 6-7 เมษายน 2552 ประสบผลสำเร็จ ก่อให้เกิดความคืบหน้ามากในกระบวนการเจรจาเรื่องเขตแดนระหว่างประเทศทั้งสอง
2. JBC ทั้งสองฝ่ายประกอบด้วยกรรมาธิการจากส่วนราชการต่าง ๆ ทั้งฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายกฎหมาย และฝ่ายเทคนิคการสำรวจ ประธานฝ่ายไทยคือนายวศิน ธีรเวชญาน ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศ ประธานฝ่ายกัมพูชาคือนายวาร์ คิม ฮง รัฐมนตรีอาวุโส และที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชาผู้รับผิดชอบด้านกิจการชายแดน
3. บรรยากาศการหารือเป็นไปอย่างฉันมิตร และมีเป้าประสงค์เดียวกันคือต้องการแก้ไขปัญหาเขตแดนต่าง ๆ โดยสันติวิธี โดยอาศัยกลไก JBC ในการแก้ไขปัญหาเขตแดนระหว่างกันในทุกกรณี
4. ผลสำเร็จที่สำคัญคือ ทั้งสองฝ่ายสามารถลงนามบันทึกการประชุมครั้งที่ผ่านมา 2 ครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้มีประเด็นคงค้างที่ตกลงกันไม่ได้ แต่ครั้งนี้ตกลงกันได้หมด และบันทึกการประชุมครั้งนี้ด้วยรวมทั้งหมด 3 ฉบับ ได้แก่
4.1 บันทึกการประชุม JBC สมัยวิสามัญ ที่เมืองเสียมราฐ เมื่อวันที่ 10-12 พฤศจิกายน 2551
4.2 บันทึกการประชุม JBC ครั้งที่ 4 ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 3-4 กุมภาพันธ์ 2552
4.3 บันทึกการประชุม JBC สมัยวิสามัญ ที่กรุงพนมเปญครั้งนี้
ทั้งนี้ บันทึกการประชุมทั้งสามฉบับจะยังไม่มีผลจนกว่าทั้งสองฝ่ายจะยืนยันผ่านช่องทางการทูตว่าได้มีการดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายภายในครบถ้วนแล้ว ในส่วนของฝ่ายไทยจะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อน จึงจะยืนยันให้บันทึกการประชุมทั้งสามฉบับนี้มีผล
5. ทั้งสองฝ่ายหารือกันต่อเรื่องร่างข้อตกลงชั่วคราวเกี่ยวกับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาบริเวณปราสาทพระวิหาร และสามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับชื่อชุดทหารติดตามสถานการณ์บริเวณวัด “แก้วสิขาคีรีสะวารา” และบริเวณรอบวัด โดยให้ใช้ชื่อว่า “ชุดทหารติดตามสถานการณ์ชั่วคราว” (Temporary Military Monitoring Groups) ส่วนประเด็นคงค้างเหลือเพียงประเด็นเดียวคือการเรียกชื่อปราสาทพระวิหาร ซึ่งจะต้องเจรจากันต่อไป ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้แนบร่างข้อตกลงชั่วคราวฯ ล่าสุดไว้ในบันทึกการประชุม JBC สมัยวิสามัญครั้งนี้
6. นอกจากความคืบหน้าข้างต้นแล้ว การประชุมครั้งนี้มีความคืบหน้าเพิ่มเติมในอีdหลายประเด็น ได้แก่
(1) ที่ประชุมยืนยันว่าควรดำเนินการตามขั้นตอนที่ 2 ของแผนแม่บทและข้อกำหนดอำนาจหน้าที่ของการสำรวจฯ โดยเร็วที่สุด คือให้ผลิตแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto Maps) ตลอดแนวเขตแดน เพื่อช่วยในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เทคนิคหารือกันในเรื่องนี้ต่อไปโดยเร็วที่สุด วันและเวลาประชุมจะกำหนดผ่านช่องทางการทูต
(2) เห็นชอบว่าชุดสำรวจร่วมอาจเริ่มการสำรวจพื้นที่ตอนที่ 5 (หลักเขตแดนที่ 1-23) ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมศกนี้
(3) ที่ประชุมหารือเรื่องการจัดทำคำแนะนำ (Instruction) สำหรับการสำรวจในพื้นที่ตอนที่ 6 (หลักเขตแดนที่ 1 — เขาสัตตะโสม) ซึ่งรวมบริเวณปราสาทพระวิหารด้วย และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปหารือกันในระดับเทคนิคต่อไป และหากเป็นไปได้ให้เสร็จก่อนปลายเดือนพฤษภาคม 2552 วันและเวลาประชุมจะกำหนดผ่านช่องทางการทูต
(4) ระหว่างรอการจัดทำข้อตกลงชั่วคราวเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาบริเวณปราสาทพระวิหารให้แล้วเสร็จ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้เริ่มสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนในพื้นที่ตอนที่ 6 ทันทีที่ได้ข้อยุติเกี่ยวกับคำแนะนำสำหรับการสำรวจในพื้นที่ตอนที่ 6
(5) เห็นชอบให้มีการประชุม JBC สมัยวิสามัญ เพื่อหารือประเด็นกฎหมายเกี่ยวกับพื้นที่สำรวจตอนที่ 6 เมื่อมีการเริ่มสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าว โดยจะกำหนดวันและสถานที่ประชุมผ่านช่องทางการทูต
(6) รับทราบว่าเจ้าหน้าที่เทคนิคของทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องกันเกี่ยวกับร่างภาษาอังกฤษของรายงานร่วมว่าด้วยการสำรวจสภาพและที่ตั้งของหลักเขตแดนสำหรับ 29 หลัก (หลักเขตแดนที่ 23-51) และตกลงให้เจ้าหน้าที่เทคนิคของทั้งสองฝ่ายร่วมกันตรวจสอบร่างรายงานการสำรวจฯ ทั้งสามภาษาก่อนส่งให้ JTSC และ JBC พิจารณาและให้ความเห็นชอบต่อไปตามลำดับ
(7) รับทราบว่าฝ่ายไทยจะส่งร่างภาษาอังกฤษของรายงานร่วมว่าด้วยการสำรวจสภาพและที่ตั้งของหลักเขตแดนสำหรับ 19 หลักที่เหลือ (หลักเขตแดนที่ 52-70) ให้ฝ่ายกัมพูชาพิจารณาต่อไปโดยเร็วที่สุด
7. การประชุม JBC ครั้งต่อไปจะมีขึ้นที่ประเทศไทย โดยทั้งสองฝ่ายจะกำหนดวันและสถานที่การประชุมผ่านช่องทางการทูต
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--