เมื่อวันที่ 19 ก.ค.2552 นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีต่างประเทศ ในฐานะประธานการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับผลการประชุมระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับคณะทำงานระดับสูงว่าด้วยกลไกสิทธิมนุษยชน และการประชุมระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับคณะผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระดับสูงว่าด้วยกฎบัตรอาเซียน สาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. ผลการประชุมระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับคณะทำงานระดับสูงว่าด้วยกลไกสิทธิมนุษยชนอาเซียน
? ในการประชุมกับคณะทำงานระดับสูงฯ ประธานคณะทำงานระดับสูงฯ ได้นำเสนอร่างเอกสารที่จะกำหนดวัตถุประสงค์ หลักการ อำนาจหน้าที่ องค์ประกอบ และวิธีการดำเนินงานขององค์กรสิทธิมนุษยชนอาเซียน (เอกสารขอบเขตการดำเนินงานฯ) ให้แก่รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ซึ่งได้แสดงความขอบคุณในความพยายามคณะทำงานระดับสูงฯ และตกลงกันที่จะหารือร่างเอกสารฯ โดยละเอียดในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.)
? ในการหารือกันเบื้องต้น รัฐมนตรีต่างประเทศของทุกประเทศสมาชิกอาเซียนได้ให้การยอมรับและสนับสนุนร่างเอกสารขอบเขตการดำเนินงานฯ รวมถึงชื่อ “ASEAN Inter-Governmental Commission on Human Rights” (คณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลของอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน — คำแปลอย่างไม่เป็นทางการ) ที่คณะทำงานระดับสูงฯ ได้เสนอให้เป็นชื่อขององค์กรสิทธิมนุษยชนอาเซียน
? รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้หารือกันเกี่ยวกับความเหมาะสมที่จะออกถ้อยแถลงเพื่อประกาศเจตนารมณ์ทางการเมืองให้จัดตั้งองค์กรสิทธิฯ อย่างเป็นทางการในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 15 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือน ต.ค.2552 ในการนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้ตกลงกันว่า ถ้อยแถลงฯ ควรปรากฏสาระสำคัญเกี่ยวกับการจัดการทบทวนเอกสารขอบเขตการดำเนินงานฯ ขององค์กรสิทธิฯ ใน 5 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างบทบาทและหน้าที่ขององค์กรสิทธิฯ โดยเฉพาะภารกิจที่เกี่ยวกับการปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในภูมิภาค
? รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนแสดงความหวังว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะให้การรับรองร่างเอกสารขอบเขตการดำเนินงานฯ เพื่อให้แต่ละประเทศสมาชิก สามารถเริ่มกระบวนการคัดสรรบุคคลที่จะเป็นผู้แทนของประเทศตนเองในองค์กรสิทธิฯ ได้ทันที ภายหลังการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ทั้งนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนวางแผนว่า ควรให้มีการประกาศการจัดตั้งองค์กรสิทธิฯ ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 15 ในเดือน ต.ค.ปีนี้ (2552)
? องค์กรสิทธิฯ จะประกอบด้วยผู้แทนที่แต่ละประเทศสมาชิกอาเซียนแต่งตั้งขึ้น ประเทศละ 1 คน โดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง 3 ปี ทั้งนี้ ผู้แทนที่แต่ละประเทศแต่งตั้งขึ้น จะต้องมีความเป็นกลาง และไม่จำเป็นที่จะต้องมาจากบุคลากรของภาครัฐ
? องค์กรสิทธิฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในอาเซียน โดยจะมีภารกิจต่างๆ อาทิ (1) การสร้างความตระหนักรู้ในหมู่พลเมืองของอาเซียนในเรื่องที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน (2) การติดต่อและทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในอาเซียน รวมถึงองค์กรภาคประชาสังคมที่ได้รับการรับรองจากอาเซียน (3) การดำเนินการให้ได้มาซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน และ (4) การหารือกับหน่วยงาน/องค์กรและสถาบันต่างๆ ในระดับชาติและระดับภูมิภาค
? รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนตระหนักว่า เอกสารขอบเขตการดำเนินงานฯ อาจไม่ใช่สิ่งที่สมบูรณ์แบบตามที่หลายคนตั้งความหวังไว้ อย่างไรก็ดี เอกสารขอบเขตการดำเนินงานฯ ได้สะท้อนถึงสิ่งที่ทุกประเทศสมาชิกอาเซียนสามารถยอมรับร่วมกันได้มากที่สุดในเวลานี้แล้ว ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญอยู่ที่การทำให้องค์กรสิทธิฯ มีความน่าเชื่อถือและสะท้อนถึงสภาพความเป็นจริงของภูมิภาค โดยเอกสารขอบเขตการดำเนินงานฯ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการพัฒนาสิทธิมนุษยชนในภูมิภาค หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เอกสารขอบเขตการดำเนินงานฯ เป็นสิ่งที่จะต้องพัฒนาต่อไป โดยจะเป็นพื้นฐานในการดำเนินความพยายามของอาเซียนในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมุนษยชน การที่เอกสารขอบเขตการดำเนินงานฯ จะได้รับการทบทวนในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า ถือเป็นช่องทางที่จะเสริมสร้างให้องค์กรสิทธิฯ มีบทบาทและหน้าที่ที่เข้มแข็งต่อไป
2. การประชุมระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับคณะผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระดับสูงว่าด้วยกฎบัตรอาเซียน
? ในการประชุมระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับคณะผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายฯ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้ให้การรับรองร่างความตกลงว่าด้วยเอกสิทธิและความคุ้มกันของอาเซียน โดยร่างความตกลงฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เอกสิทธิและความคุ้มกันแก่อาเซียนในลักษณะเดียวกับองค์กรระหว่างประเทศอื่นๆ อาทิ สหประชาชาติ โดยเลขาธิการอาเซียนจะเป็นผู้ได้รับมอบอำนาจในการดำเนินธุรกรรมต่างๆ ในนามของอาเซียน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการทำให้อาเซียนมีสถานะทางกฎหมายตามกฎบัตรอาเซียน
? ทั้งนี้ ขั้นตอนต่อจากนี้ ประเทศสมาชิกแต่ละประเทศจะนำร่างความตกลงฯ กลับไปดำเนินการตามกระบวนการภายในของแต่ละประเทศ โดยคาดว่าจะสามารถลงนามได้ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 15 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในเดือน ต.ค.2552
? นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนยังได้รับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับความคืบหน้าในการดำเนินการจัดตั้งกลไกการระงับข้อพิพาทของอาเซียน (Dispute Settlement Mechanisms — DSM) โดยกลไกการระงับข้อพิพาทที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ จะครอบคลุมข้อพิพาทที่เกิดขึ้นจากการบังคับใช้กฎบัตรอาเซียน จากความตกลงต่างๆ ที่ไม่มีข้อบทเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาท และจากความตกลงต่างๆ ที่จะมีขึ้นในอนาคต
? ทั้งนี้ สำหรับกลไกระงับข้อพิพาทของอาเซียนในเรื่องที่เกี่ยวกับความตกลงด้านเศรษฐกิจและความตกลงด้านการเมืองบางฉบับ อาเซียนมีกลไกเหล่านี้อยู่แล้ว เช่น ความตกลงอาเซียนว่าด้วยการลงทุนอย่างครอบคลุม (ASEAN Comprehensive Investment Agreement) กลไกระงับข้อพิพาททางเศรษฐกิจของอาเซียน (Enhanced ASEAN Dispute Settlement Mechanism) และกลไกระงับข้อพิพาทภายใต้สนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
? การมีกลไกการระงับข้อพิพาทที่จะจัดตั้งเพิ่มเติม จะทำให้อาเซียนเป็นองค์กรที่ตั้งอยู่บนพื้นฐาน/เคารพในกฎข้อบังคับ โดยมีกลไกและระเบียบต่างๆ สำหรับระงับข้อพิพาทภายในอาเซียน ในการนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน จึงแสดงความหวังว่า คณะผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายฯ จะปฏิบัติงานต่อไปเพื่อให้สามารถจัดตั้งกลไกระงับข้อพิพาทฯ ได้ภายในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 15 ทั้งนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอาจมอบหมายให้คณะผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายฯ พิจารณาจัดตั้งกลไกเพื่อทำหน้าที่จัดกลุ่มข้อพิพาทหรือความตกลงที่จะอยู่ภายใต้การบังคับใช้กลไกระงับข้อพิพาทที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ หรืออีกนัยหนึ่งคือ ความตกลงที่ในชั้นนี้ ยังไม่มีกลไกระงับข้อพิพาทของตนเองด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--