เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2552 นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 42 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (42nd AMM/PMC 16th ARF) โดยได้ขอบคุณในความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนที่ทำให้การจัดการประชุมฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและราบรื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงกลาโหม จังหวัดภูเก็ต โรงแรมต่างๆ และประชาชนชาวภูเก็ตที่ร่วมกันเป็นเจ้าภาพที่ดี ความสำเร็จของการประชุมฯ จะช่วยฟื้นฟูและเสริมสร้างความเชื่อมั่นที่ประเทศต่างๆ มีต่อไทย ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยต่อไป
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวถึงผลประโยชน์ต่อประเทศและต่อประชาชนไทยจากการประชุมฯ ที่สำคัญ มีดังนี้
1. ประเทศผู้เข้าร่วมประชุมจะร่วมกันผลักดันความร่วมมือแพร่ระบาดของไข้หวัด Influenza A (H1N1) ทั้งในกรอบอาเซียน อาเซียน+3 EAS และการหารือกับประเทศคู่เจรจาต่างๆ ในการร่วมกันจัดซื้อวัคซีนต้านไวรัส จัดตั้งสต็อกยาและวัคซีนที่จำเป็นในภูมิภาค และถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการผลิตยาและวัคซีนต้านไวรัส ซึ่งจะมีการสานต่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในกรอบของรัฐมนตรีสาธารณสุข นอกจากนี้ ญี่ปุ่นได้ประกาศจะให้ยาต้านไวรัสสำหรับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ (H1N1) แก่ประเทศสมาชิกอาเซียนจำนวน 500,000 ชุด
2. ประเทศผู้เข้าร่วมประชุมเห็นพ้องให้กระชับความร่วมมือด้านการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยการเพิ่มทุนการศึกษา การฝึกอบรม การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนที่จะช่วยส่งเสริมความเข้าใจกันระหว่างศาสนา วัฒนธรรมและความเชื่อต่างๆ ในภูมิภาค ซึ่งจะสนับสนุนการพัฒนา ลดช่องว่าง และสร้างความเข้าใจระหว่างประชาชน โดยเฉพาะเยาวชน และเห็นพ้องกับข้อเสนอของไทยที่จะกำหนดให้การศึกษาเป็นหนึ่งในเรื่องหลักของการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 15 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง
3. ประเทศสมาชิกอาเชียนจะร่วมกันพัฒนาความเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม (ถนน รถไฟ การเชื่อมโยงทางอากาศและทางน้ำ) และโทรคมนาคมกับประเทศในภูมิภาค โดยเฉพาะจีนและอินเดีย โดยเลขาธิการอาเซียนได้รับที่จะไปศึกษาภาพรวมของเส้นทางการเชื่อมต่อต่างๆ ที่มีอยู่ ในขณะที่ไทยจะได้หารือกับคณะทูตอาเซียนในประเทศไทยกับ ESCAP และ ADB ซึ่งเป็นองค์กรสำคัญที่ดำเนินการศึกษาและแผนการพัฒนาเส้นทางต่างๆ
4. ประเทศผู้เข้าร่วมประชุมยืนยันจะร่วมมือกันแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ โดยเกาหลีใต้ได้ประกาศจัดตั้งกองทุนสำหรับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศในเอเชียจำนวน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยได้จัดสรรเงินจากกองทุนนี้ครึ่งหนึ่งให้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียน
5. ประเทศสมาชิกอาเซียนได้รับรองขอบเขตอำนาจหน้าที่ขององค์กรสิทธิมนุษยชนอาเซียน ภายใต้ชื่อ คณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (ASEAN Intergovernmental Commission on Human Rights) โดยจะมีการออกปฏิญญาเพื่อประกาศการเริ่มการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการดังกล่าวในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 15 นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของกระบวนการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในอาเซียนที่จะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องต่อไป
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยังได้กล่าวถึงบรรยากาศการประชุมฯ ระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนและประเทศผู้เข้าร่วมประชุมอื่นๆ ว่า เป็นไปด้วยความเต็มใจที่จะร่วมมือและให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำให้การหารือเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และเป็นมิตร การประชุมฯ ดำเนินไปอย่างราบรื่น ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะผลักดันให้อาเซียนเดินหน้าต่อไปอย่างเข้มแข็ง
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--