การมีผลใช้บังคับความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการโอนตัวผู้ต้องคำพิพากษาและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในดีอาญา

ข่าวต่างประเทศ Thursday August 27, 2009 15:25 —กระทรวงการต่างประเทศ

การมีผลใช้บังคับความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการโอนตัวผู้ต้องคำพิพากษาและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในดีอาญา(ความตกลงโอนตัวนักโทษ)

หลังจากที่ได้มีการลงนามความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการโอนตัวผู้ต้องคำพิพากษาและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญาโดย นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนาย Hor Namhong รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชา เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2552 ที่กรุงเทพฯ บัดนี้ ไทยและกัมพูชาได้แจ้งซึ่งกันและกันเป็นลายลักษณ์อักษรว่าได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของตนตามกระบวนการทางกฎหมายภายในเพื่อการมีผลใช้บังคับของความตกลงนี้แล้ว เป็นผลให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2552 เป็นต้นไป

ความตกลงฯ ถือได้ว่าเป็นอีกมิติของความพยายามระหว่างกันที่จะก่อให้เกิดความร่วมมือและเพิ่มพูนความร่วมมือในด้านกระบวนการยุติธรรมระหว่างสองประเทศ โดยประเทศไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

ต่อวัตถุประสงค์หลักในการจัดทำความตกลงดังกล่าวซึ่งมุ่งที่จะช่วยให้ผู้กระทำผิดสามารถปรับตัวกลับคืนสู่สังคมของตนได้ โดยความตกลงฯ กำหนดมาตรการต่างๆ ที่อนุญาตให้ผู้กระทำผิดได้รับการโอนตัวกลับไปยังประเทศของตนเพื่อรับโทษที่เหลือ ภายหลังจากที่ผู้กระทำผิดได้รับโทษจำคุกเป็นเวลาขั้นต่ำสุดตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายของรัฐผู้โอนแล้ว ดังนั้น ความตกลงฯ นี้จึงเป็นเสมือนกรอบความร่วมมือที่จะช่วยเสริมสร้างให้ความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายและการบริหารงานกระบวนการยุติธรรมระหว่างไทยกับกัมพูชามีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น และเพื่อประโยชน์ของผู้ต้องคำพิพากษาของแต่ละประเทศบนพื้นฐานของหลักมนุษยธรรม

กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--

-พห-

แท็ก กัมพูชา  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ