เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2552 วันแรกของการเยือนอินเดียตามโครงการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและเสริมสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทย (Roadshow) นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี และนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ ได้ร่วมงาน Thai-India Business Forum on Trade, Investment and Tourism ที่กรุงนิวเดลี และเข้าพบหารือกับบุคคลระดับสูงของรัฐบาลอินเดียที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ไทยกับอินเดีย
รองนายกรัฐมนตรีกอร์ปศักดิ์ฯ ได้กล่าวสุนทรพจน์ระหว่างอาหารกลางวัน (Lunch Talk) เชิญชวนนักธุรกิจอินเดียระดับผู้บริหารกว่า 70 คนจาก 10 สาขา อาทิ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โลจิสติกส์ เคมีภัณฑ์ อสังหาริมทรัพย์ อัญมณีและเครื่องประดับ อาหารแปรรูป และท่องเที่ยว มาร่วมลงทุนกับฝ่ายไทย
การเสวนา Thai-India Business Forum ซึ่งจัดโดยหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของไทยร่วมกับสมาพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรมอินเดีย (Federation of Indian Chambers of Commerce and Industry - FICCI) ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักธุรกิจอินเดีย โดยรองนายกรัฐมนตรีนำเสนอว่า ในสภาวะโลกหลังวิกฤตเศรษฐกิจที่อินเดียและเอเชียจะมีบทบาทมากยิ่งขึ้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก อินเดียและไทยน่าจะร่วมมือกันปรับตัวและแสวงหาโอกาสใหม่ๆ และผลประโยชน์ร่วมกัน โดยยกตัวอย่างความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว โดยการเชื่อมโยงโครงการ Amazing Thailand, Amazing Value กับโครงการ Incredible India นอกจากนั้น ได้กล่าวถึงศักยภาพของไทยในเรื่องพลังงานทดแทน ได้แก่ การผลิตเอธานอลจากผลผลิตการเกษตร ท้ายที่สุด รองนายกรัฐมนตรีได้เน้นความสอดคล้องระหว่างนโยบาย Look East ของอินเดียและนโยบาย Look Westของไทย และเชื่อว่าจะมีการกระชับความสัมพันธ์สองฝ่ายมากยิ่งขึ้นจากการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับนายกรัฐมนตรีระหว่างกันในเร็ววันนี้
ภายหลังการกล่าวสุนทรพจน์ ภาคเอกชนของไทยที่ร่วมเดินทางไปกับรองนายกรัฐมนตรีและนักธุรกิจอินเดียได้พบปะเพื่อทำความคุ้นเคย จับคู่ และสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ (business matching) ระหว่างกันโดยนักธุรกิจอินเดียต่างให้ความสนใจและมองไทยว่าเป็นฐานการลงทุนที่มีศักยภาพ ทั้งในระดับประเทศและอาเซียน
ในช่วงเช้า รองนายกรัฐมตรีกอร์ปศักดิ์ฯ พบกับทีมประเทศไทยในกรุงนิวเดลี ประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และได้ชี้แจงแนวความคิดของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ และเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้หยิบยกปัญหาและอุปสรรคเกี่ยวกับการลงทุนของไทยในอินเดีย อาทิ ภาษีวัตถุดิบ และการเก็บภาษีซ้ำซ้อน เป็นต้น
กิจกรรมอื่นๆ ของรองนายกรัฐมนตรี ได้แก่ การพบกับบริษัทเอกชนชั้นนำของอินเดียที่มีบทบาทการลงทุนในประเทศไทยอยู่แล้ว ได้แก่ Aditya Birla Group และ Polyflex สาขาปิโตรเคมี และการรับประทานอาหารค่ำกับนักธุรกิจชั้นนำของอินเดียที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี
ในช่วงบ่าย รองนายกรัฐมนตรีได้หารือข้อราชการกับนาย B.K. Handique รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย และนาย Kamal Nath รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมอินเดีย โดยเน้นประเด็นความสัมพันธ์ทวิภาคี อาทิ โอกาสการลงทุนของไทยในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของอินเดีย โดยรัฐบาลอินเดียมีโครงการที่จะปรับปรุงและก่อสร้างถนน มีมูลค่าโครงการ 7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในระยะเวลา 3 — 4 ปี ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว และความคืบหน้าความร่วมมือด้านการค้า FTA กรอบต่างๆ
การเยือนกรุงนิวเดลีครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทั้งสองประเทศซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของความผูกพันทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และกรอบความร่วมมือต่างๆ ที่มีระหว่างกัน ทั้ง BIMSTEC และอาเซียนแล้ว ยังเป็นการย้ำให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายไทยเห็นว่า ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกันยังมีศักยภาพที่สมควรพัฒนาอีกมากในภายภาคหน้าที่อินเดียจะร่วมกับจีนเป็นกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาคและโลกที่สำคัญยิ่งๆ ขึ้นไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--