เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2552 วันที่สองของการเยือนอินเดียตามโครงการ Roadshow ประเทศไทย นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ได้หารือวงเล็กกับนักธุรกิจชั้นนำของอินเดียในสาขาต่างๆ รวมทั้งสาขาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่เมืองมุมไบ กล่าว Lunch Talk เรื่อง “Enhancing Trade and Investment Promotion: Thailand and India” ต่อนักธุรกิจและสื่อมวลชนไทย - อินเดียประมาณ 150 คน ได้เข้าพบหารือกับ นาย S.C. Jamir ผู้ว่าการรัฐมหาราษฎระ และร่วมงานเลี้ยงรับรองจัดโดย The All India Association of Industries (AIAI)
การกล่าว Lunch Talk ของรองนายกรัฐมนตรีฯ ครอบคลุมเรื่องศักยภาพมหาศาลของอินเดีย ลู่ทางการลงทุนของไทยในเรื่องการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานครั้งประวัติศาสตร์ของอินเดีย ลู่ทางของไทยในการค้าพลังงานทดแทน โดนเน้นเอทานอลจากมันสำปะหลังอัดเม็ด ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว และแนวความคิดในการพึ่งพากันมากขึ้นระหว่างประเทศในเอเชีย ในบริบทที่อินเดีย จีนและอาเซียนจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในภายภาคหน้า
ในการหารือกรอบต่างๆ ฝ่ายอินเดียให้ความสนใจกับประเด็นเกี่ยวกับนโยบายส่งเสริมการค้าและการลงทุนโดยรวม และเฉพาะภาคอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมภาพยนตร์ ปิโตรเคมี และโครงการผลิตรถยนต์ eco car เป็นต้น
ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีกอร์ปศักดิ์ฯ ได้ประเมินผลการเยือนและประเด็นที่จะต้องสานต่อ ดังนี้
1. โครงสร้างพื้นฐานด้านถนนเป็นเรื่องที่อินเดียจะต้องลงทุนมหาศาล เอกชนไทยมีโอกาสในการแข่งขันสูง เป็นเรื่องที่จะต้องติดตามในโอกาสที่นาย Kamal Nath รัฐมนตรีคมนาคมของอินเดียจะเดินทางไปร่วมการประชุมในกรอบ ESCAP ที่กรุงเทพฯ ในเดือนธันวาคม ศกนี้
2. ตลาดอินเดียเป็นตลาดการท่องเที่ยวขนาด 600,000 คนต่อปี ที่มีเสถียรภาพ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวเกือบจะไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจเลย สมควรเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อขยายผลต่อไป
3. หากเป็นไปได้ ไทยมีเป้าหมายที่จะขยายมูลค่าการค้ากับอินเดียจาก 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบันเป็น 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2553 โดย FTA อาเซียน-อินเดียน่าจะเสริมสร้างโอกาสทางการค้าระหว่างกัน ในการนี้ เอกชนและสื่อมวลชนอินเดียให้ความสนใจอย่างมากในเรื่องลู่ทางการสานต่อการเจรจา FTA ไทย-อินเดีย
4. ประเทศในภูมิภาคเอเชียควรหันมาพึ่งพากันมากกว่าในอดีต มากกว่าการมัวแต่รอการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ในตลาดดั้งเดิม โดยอินเดียและจีนมีบทบาทสำคัญในบริบทใหม่นี้
5. การเยือนในครั้งนี้ แม้เป็นเวลาสั้นๆ แต่เป็นประโยชน์ในการเตรียมการเยือนอินเดียของนายกรัฐมนตรีให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากได้รับทราบประเด็นต่างๆ และนำกลับไปประเมินจากสถานการณ์จริง
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับศักยภาพของตลาดอินเดีย
1. ความต้องการที่อยู่อาศัยของอินเดียติดลบอยู่ที่ 24 ล้านหน่วย ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศไทยเท่ากับ 50,000 หน่วยต่อปี
2. รัฐบาลอินเดียมีโครงการที่จะปรับปรุงและก่อสร้างถนนในอัตรา 20 กิโลเมตรต่อวัน โดยมีมูลค่าโครงการ 70 พันล้านดอลลาร์สหรัฐตลอดระยะเวลา 3-4 ปีข้างหน้า
3. ในช่วงสองปีที่ผ่านมา มีฝ่ายภาพยนตร์ของอินเดียใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ 55 ราย
For further information, please contact the Press Division, Department of Information, Ministry of Foreign Affairs, Tel.02-6435170, Fax.02-6435169, E-mail: div0704@mfa.go.th