เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2552 ผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรีของสาธารณรัฐประชาชนจีนระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ครั้งที่ 12 ณ โรงแรมดุสิตธานี อ. ชะอำ จ. เพชรบุรี โดยที่ประชุมฯ ได้หารือกันอย่างกว้างขวางและหลากหลายเกี่ยวกับทิศทางความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับจีน รวมทั้งข้อเสนอต่างๆ ที่จะช่วยยกระดับความร่วมมือในด้านต่างๆ โดยสรุปประเด็นสำคัญของการหารือได้ ดังนี้
- ในด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ที่ประชุมฯ ได้รับทราบว่า ภายในปี 2553 ภาษีสินค้านำเข้าเกือบทุกประเภทระหว่างอาเซียนและจีนจะได้รับการยกเลิก การยกเลิกภาษีนำเข้าดังกล่าวพร้อมทั้งการลงนามความตกลงด้านการลงทุนระหว่างอาเซียน-จีนถือเป็นขีดขั้นความสำเร็จของความสัมพันธ์อาเซียน-จีน ทั้งนี้ การค้าระหว่างอาเซียนและจีนเพิ่มสูงขึ้นกว่า 3 เท่า ในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นจาก 60 พันล้าน ดอลล่าร์ เป็น 192 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐในปี 2551 ซึ่งผู้นำต่างขอให้ทั้งสองฝ่ายใช้ประโยชน์จากความตกลงเขตการค้าเสรีให้เต็มที่
- ที่ประชุมฯ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความจำเป็นในการส่งเสริมความรู้และความตระหนักเกี่ยวกับความตกลงเขตการค้าเสรีข้างต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในหมู่ภาคเอกชน ทั้งนี้ รวมถึงการส่งเสริมการฝึกอบรมด้วย โดยจีนรับว่าจะจัดการประชุมเกี่ยวกับความตกลงเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนเพื่อพัฒนาการเข้าถึงธุรกิจต่างๆ ตามความตกลงฯ และสร้างเขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจในประเทศสมาชิกอาเซียน รวมทั้งสนับสนุนให้บริษัทจีนเข้ามาลงทุนในเขตความร่วมมือนั้น นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา การขจัดอุปสรรคทางการค้า การจัดตั้งระบบรวมศูนย์เพื่อตรวจสอบมาตรฐานด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช
- ในการพัฒนาการเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมระหว่างอาเซียนและจีน อาเซียนยินดีรับข้อริเริ่มของจีนในการจัดตั้งกองทุนเพื่อความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างอาเซียน — จีน จำนวนเงินงบประมาณ 10 พันล้าน ดอลล่าร์สหรัฐ และให้สินเชื่อภายใต้โครงการสินเชื่อทางพาณิชย์และเงินกู้ยืมสำหรับรัฐบาลอาเซียน จำนวน 15 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐเพื่อพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานในอาเซียน โดยผู้นำประเทศอาเซียนให้การตอบรับอย่างดีต่อแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งกล่าวว่า 1) การระดมเงินทุนในช่วงแรกจำนวน 1 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว และสามารถใช้ประโยชน์ได้ภายใน 1 ปี 2) จีนได้แจ้งให้ประเทศอาเซียนประสานงานติดต่อกับบริษัทบริหารจัดการกองทุนดังกล่าวเพื่อยื่นรายละเอียดโครงการการลงทุนได้ และ 3) จีนได้ตัดสินใจที่จะเพิ่มส่วนเงินกู้ยืมสินเชื่อการพาณิชย์อัตราพิเศษจาก 1.7 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ เป็น 6.7 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ
- จีนยังเสนอให้ทั้งสองฝ่ายปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับโครงการที่มีความสำคัญลำดับต้นในส่วนของความร่วมมือด้านการคมนาคมขนส่ง และร่วมกันวางแผนและสร้างเครือข่ายการคมนาคม จีนคาดหวังที่จะบรรลุข้อตกลงในบันทึกความเข้าใจร่วมกันว่าด้วยความร่วมมือด้านศุลกากรกับอาเซียน โดยบันทึกความเข้าใจดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าและจีนยังแสดงความปรารถนาที่จะเจรจาความตกลงว่าด้วยการบริการทางอากาศกับอาเซียน
- นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้เห็นชอบในการร่วมมือกันหลายสาขาอาทิ ยารักษาโรค ซึ่งรวมถึงการพัฒนาวัคซีนไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ H1N1 และการพัฒนาการแพทย์พื้นบ้านทางเลือก ความมั่นคงด้านอาหาร ความสามารถในการผลิตอาหาร ความมั่นคงด้านพลังงาน การสื่อสารทางไกล การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม การพัฒนาชนบทและการศึกษา และการกระชับความร่วมมือทางการเมืองและความมั่นคงเพื่อสร้างเสริมความมั่นคงทางทะเลและการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ
- จีนยืนยันให้การสนับสนุนอาเซียนให้มีบทบาทนำในภูมิภาค และกำลังพิจารณาจัดตั้งผู้แทนถาวรประจำอาเซียน โดยในขั้นต้นจะจัดตั้งสำนักงานอาเซียนประจำสถานทูตจีน ณ กรุงจาร์กาตา
- โดยที่แผนปฏิบัติการอาเซียนจีนซึ่งกำหนดความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์สำหรับปี 2548 — 2553 กำลังจะหมดอายุลง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าควรมีการทบทวนการดำเนินการและจะต้องมีการพัฒนาจัดทำแผนปฏิบัติการสำหรับอีก 5 ปีข้างหน้าต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--