เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2552 วันแรกของการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 21 ณ สิงคโปร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายกษิต ภิรมย์ ได้แจงท่าทีไทยต่อที่ประชุม ดังนี้
ไทยสนับสนุนการที่เอเปคเปิดรับต่อการใช้แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ภายหลังวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งสะท้อนความสมดุล การมีส่วนร่วม และความยั่งยืน ทั้งนี้ ความสมดุลหมายถึงการมีความสมดุลระหว่างการออมกับการบริโภค การมีส่วนร่วมหมายถึงการที่ทุกภาคสังคมและประชาคมระหว่างประเทศมีส่วนร่วมในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น และความยั่งยืนหมายถึงความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม การที่เอเปคปรับแนวความคิดดังกล่าวสะท้อนถึงการเรียนรู้จากวิกฤตการเงินและเศรษฐกิจโลก ปรับตัวและปรับวาระการทำงาน ซึ่งสะท้อนในทางบวกต่อความยืดหยุ่นและทันต่อเหตุการณ์ของกระบวนการความร่วมมือเอเปค
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีกษิตฯ ได้อันเชิญปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และกล่าวถึงประสบการณ์ของไทยในการดำเนินโครงการในพระราชดำริ และเสนอที่จะแบ่งปันประสบการณ์ของไทยกับสมาชิกกำลังพัฒนาของเอเปคที่มีขนาดเศรษฐกิจในระดับพอเพียง
ในฐานะที่เป็นประเทศหนึ่งที่อยู่ในศูนย์กลางของวิกฤตเศรษฐกิจเอเชีย ปี 2540 ไทยได้ผลักดันให้เอเปคร่วมมือกันในเรื่องการเตรียมความพร้อมในเรื่องโครงข่ายรองรับทางสังคม และความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจและวิชาการ เพื่อเป็นหลักประกันว่าการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเปค ซึ่งเน้นการเปิดเสรีการค้าและการลงทุนเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก มีความสมดุลและมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น หรืออีกนัยหนึ่ง อาจกล่าวได้ว่าการนำเสนอ/ผลักดันเรื่องโครงข่ายรองรับทางสังคมและความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจและวิชาการโดยไทยได้รับการสะท้อนลงในวาระเรื่องการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจแบบมีส่วนร่วม (inclusive growth) ของเอเปค
ในการมองอนาคตเอเปค รัฐมนตรีได้หารือเกี่ยวกับการเชื่อมโยง FTA ที่มีอยู่แล้วเข้าด้วยกัน การส่งสัญญาณสนับสนุนการเจรจาการค้ารอบโดฮาในกรอบ WTO และการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่กรุงโคเปนเฮเกน ยุทธศาสตร์ในการบริหารวิกฤตเศรษฐกิจโลก และการเชื่อมโยง (Connectivity) เกี่ยวกับเรื่องการเชื่อมโยง รัฐมนตรีกษิตฯ เสนอให้ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความสะดวกว่าด้วยการขนส่งทางอากาศและทางน้ำอีก
รัฐมนตรีกษิตฯ ย้ำถึงบทบาทสำคัญที่ภาคเอกชนสามารถมีภายใต้กรอบของกิจกรรมเพื่อสังคม (corporate social responsibility— CSR) พร้อมทั้งเน้นว่าธรรมาภิบาล ความโปร่งใสการสนับสนุน SME ก็เป็นสิ่งจำเป็นควบคู่กัน ในด้านความสัมพันธ์ทวิภาคี รัฐมนตรีต่างประเทศฯ ได้ไปพบกับรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ นาง Hillary Clinton และนาย Stephen Smith รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย
ประเทศไทยยินดีต่อเจตนารมณ์ของสหรัฐฯ ที่จะปฏิสัมพันธ์กับภูมิภาคเอเชีย และไทย พร้อมที่จะร่วมมือกับสหรัฐฯ ในมิติและระดับต่างๆ ทั้งระดับทวิภาคีและระดับภูมิภาค ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวรวมถึงการแลกเปลี่ยนการเยือน ตลอดจนการติดตามผลข้อริเริ่มของสหรัฐฯ ว่าด้วยประเทศแม่น้ำโขงตอนล่าง
ในกรณีของออสเตรเลียซึ่งไทยมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ได้มีการหารือเกี่ยวกับประเด็นด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมที่อยู่ในความสนใจของทั้งสองฝ่าย รวมถึงเรื่องการแลกเปลี่ยนการเยือน ปัญหาการลักลอบเข้าเมือง การเชื่อมโยง FTA และกระบวนการ G20
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--