เมื่อตอนค่ำของวันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2552 ที่สิงคโปร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ร่วมในองค์ประกอบคณะนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมกิจกรรม Dine-Around Singapore ซึ่งเป็นกิจกรรมในกรอบ APEC CEO Summit จัดโดย Young Presidents’ Organization และ Pacific Basin Economic Council (PBEC) ซึ่งในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวสุนทรพจน์และตอบคำถามโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นต่อนักธุรกิจชั้นนำเกี่ยวกับแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยซึ่งเริ่มปรากฏผลเป็นที่น่าพอใจ รวมถึงศักยภาพและการสร้างความพร้อมของไทยในด้านต่างๆ เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจแบบยั่งยืนและมั่นคง และการค้าการลงทุนจากต่างประเทศในบริบทดังกล่าว
ในตอนเช้าของวันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2552 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ร่วมในองค์ประกอบคณะนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมกิจกรรม APEC CEO Summit ซึ่งในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ Are our present models of regionalism such as APEC and ASEAN adequate? โดยมีประธานาธิบดีเม็กซิโก นาย Felipe Calderon และนายกรัฐมนตรี นาย Kevin Rudd ร่วมกล่าวปาฐกถาและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในหัวข้อเดียวกัน
สุนทรพจน์ของนายกรัฐมนตรีเน้นประเด็นหลัก ดังนี้
- มีการเปลี่ยนแปลงดุลแห่งอำนาจทางเศรษฐกิจมาสู่ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก มีการพึ่งพากันมากขึ้น นำไปสู่ข้อริเริ่มว่าด้วยความร่วมมือในระดับภูมิภาคและระดับโลกมากขึ้น
- วิกฤตเศรษฐกิจโลกทำให้ต้องค้นหาแนวทางใหม่ในการบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มความสมดุล การมีส่วนร่วม และความยั่งยืน ซึ่งรวมถึงการเสนอแนวทางใหม่ๆ ในการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ
- ในการพิจารณาแนวทางการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจใหม่ๆ จะต้องพิจารณาว่า โครงสร้างปัจจุบันที่มีอยู่แล้วเพียงพอหรือไม่ที่จะเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ และหากเพียงพอ มีกรรมวิธีที่จะทำให้กลไกเหล่านั้นสามารถสนับสนุนและบูรณาการซึ่งกันและกันหรือไม่ และสุดท้าย คือ ความพึงพอใจของภาคประชาสังคม
- เห็นว่ากลไกที่มีอยู่แล้ว APEC, ASEAN+3, East Asia Summit (EAS), ASEAN Regional Forum (ARF) และ Forum for East Asia-Latin American Cooperation (FEALAC) เพียงพอ แต่อาจต้องแสวงหากลไกหรือปัจจัยที่จะทำให้กรอบต่างๆ เหล่านี้สามารถเชื่อมโยงกันอย่างบูรณาการ
- ในฐานะที่อาเซียนเป็นองค์ประกอบหลักในกรอบความร่วมมือเหล่านี้ คำตอบคือ ถือเป็นความรับผิดชอบของอาเซียน (ASEAN Centrality) ที่จะมีส่วนในการกำหนดอนาคตของการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้ปิดกั้นที่จะพิจารณาข้อเสนออื่นๆ
ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 17 โดยผู้นำเอเปคจะหารือเรื่องการเชื่อมโยงภูมิภาค (Connecting the Region) และหารือกับสภาที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจเอเปค (APEC Business Advisory Council — ABAC)
ในวันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน 2552 ผู้นำเอเปคจะหารือเรื่องการประคองการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้ยั่งยืน (Sustaining Growth) ในบ่ายวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีจะร่วมกับประธานาธิบดี Barack Obama แห่งสหรัฐอเมริกาเป็นประธานร่วมการประชุมผู้นำอาเซียน-สหรัฐฯ ครั้งที่ 1
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--